องค์การเภสัชกรรมออกแถลงการณ์แจ้งความเอาผิด “ลอย-หมอบุญ” ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ที่ สน.พญาไท วานนี้ (13 ก.ค.) กรณีเผยแพร่ข้อมูลการจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นาอันเป็นเท็จ ทำให้เกิดความเสียหาย
วันนี้ (14 ก.ค.) กองประชาสัมพันธ์ องค์การเภสัชกรรม ออกแถลงการณ์แจ้งความเอาผิด “ลอย-หมอบุญ” หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เป็นเหตุให้องค์การเภสัชกรรมได้รับความเสียหาย กรณีเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จการจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นา ระบุว่า องค์การเภสัชกรรมได้มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่กองกฎหมาย องค์การเภสัชกรรม ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลพญาไท เพื่อดำเนินการเอาผิดต่อ นายลอย ชุนพงษ์ทอง และ นายแพทย์ บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัทธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ในข้อหา "หมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา อันเป็นเหตุให้องค์การเภสัชกรรมได้รับความเสียหาย เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564
การดำเนินการตามกฎหมายครั้งนี้สืบเนื่องจากนายลอย และ นพ.บุญ ได้นำข้อมูลซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นา โดยกล่าวหาองค์การเภสัชกรรม ในฐานะผู้แทนภาครัฐที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในการประสานงานจัดซื้อจัดหาวัคซีนโมเดอร์นาให้แก่สมาคมโรงพยาบาลเอกชนว่า ดำเนินภารกิจนี้โดยมุ่งแสวงหาผลกำไรสูงสุดจากประชาชน ซึ่งเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและเกิดความเสียหายต่อองค์การเภสัชกรรม จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย
องค์การเภสัชกรรมขอยืนยันว่าได้ปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ในการเป็นหน่วยงานภาครัฐที่เป็นตัวแทนจัดซื้อจัดหาวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา เพื่อให้ประชาชนได้มีวัคซีนทางเลือกเพิ่มขึ้น โดยมิได้มุ่งแสวงหาผลกำไร และนับตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 องค์การเภสัชกรรมได้มุ่งมั่น ทุ่มเท ดำเนินการในทุกภารกิจทั้งด้านยา วัคซีน และเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ในการป้องกันต่างๆ เพื่อสนับสนุนระบบสาธารณสุขไทยอย่างเข้มแข็งมาโดยตลอด
อนึ่ง การแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าวสืบเนื่องจากอาจารย์ลอย ซึ่งเป็นนักคณิตศาสตร์และนักดาราศาสตร์ชื่อดัง ผู้ทรงคุณวุฒิสหวิทยาการราชบัณฑิตยสภา เผยแพร่วิดีโอคลิปผ่านยูทูป เมื่อวันที่ 11 ก.ค. กล่าวหาว่าองค์การเภสัชกรรมเก็บภาษีทางอ้อม อ้างว่าราคานำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา 584 บาท แต่องค์การเภสัชกรรมขายให้โรงพยาบาลเอกชน ราคาเข็มละ 1,110 บาท เทียบภาษีนำเข้า 88% และเมื่อโรงพยาบาลเอกชนนำวัคซีนไปฉีดให้ประชาชนเข็มละ 1,500 บาท ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เท่ากับ 105 บาท ขณะที่โรงพยาบาลเอกชนต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จากส่วนต่าง ทำให้อัตราภาษีเท่ากับ 111.1% พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดทำเงินกับวัคซีน ควรให้องค์การเภสัชกรรมขายราคาต้นทุน รวมทั้งควรยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับวัคซีนโควิด-19 และช่วยค่าวัคซีนโรงพยาบาลเอกชน เข็มละ 100 บาท
เรื่องดังกล่าวทำให้ นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ยืนยันไม่ได้มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าวัคซีนทุกประเภทตามที่มีกระแสข่าวตามสื่อสังคมออนไลน์ โดยปัจจุบันการนำเข้าวัคซีนและอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ ได้รับการยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าให้เหลือ 0% ทั้งหมดอยู่แล้ว จะเหลือเพียงแค่เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ครม.ได้มีมติเห็นชอบให้ขยายเวลายกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่นำเข้ามาใช้ในการรักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามรายการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด เพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะทำให้ไม่ต้องเสียอากรนำเข้าจนถึงเดือน มี.ค. 65 แต่ยังคงต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่
ส่วนองค์การเภสัชกรรม ได้ออกแถลงการณ์กรณีถูกกล่าวหาบวกกำไรหรือภาษีวัคซีนทางเลือก โมเดอร์นา เข้าไปในราคาขาย โดยระบุว่า การกำหนดราคาขายวัคซีนโมเดอร์นาให้กับโรงพยาบาลเอกชนที่ราคา 1,100 บาทต่อโดสนั้น เป็นราคาที่มาจากราคาวัคซีนที่องค์การเภสัชกรรมได้รับจากบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายของผู้ผลิตโดยตรง รวมกับภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รวมกับค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ เช่น ค่าเก็บรักษา ค่าขนส่ง ค่าประกันภัยรายบุคคล เพื่อให้ความคุ้มครองแก่ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นากรณีที่อาจมีอาการไม่พึงประสงค์ ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอมที่อ้างว่ารัฐบาลเรียกเก็บภาษีวัคซีนโมเดอร์นา รวมแล้วสูงกว่า 100% ทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้วัคซีนทางเลือกมีราคาแพง และขอความร่วมมือไม่ส่งหรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เพราะจะสร้างความตื่นตระหนกและความเสียหายต่อส่วนรวม
ขณะที่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เตรียมดำเนินคดีถึงที่สุดต่ออาจารย์ลอย รวมทั้งผู้ร่วมขบวนการเผยแพร่ข่าวปลอมผ่านคลิปวิดีโอว่ารัฐบาลเก็บภาษีวัคซีนโมเดอร์นา 100% โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกรมศุลกากร กลุ่มสารนิเทศการคลัง และกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง พบว่าเป็นข้อมูลเท็จ จากการตรวจสอบพบว่ามีการทำกันเป็นขบวนการ โดยผู้โพสต์ต้นทางคืออาจารย์ลอย มีผู้ร่วมขบวนการเผยแพร่อีกกว่า 10 ราย เพื่อหวังผลดิสเครดิตกระบวนการจัดซื้อวัคซีนของรัฐบาล ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก เกิดความเสียหายต่อกระบวนการแก้ปัญหาแพร่ระบาดโควิด มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548