รายงานพิเศษ
“เมื่อคืนนี้ (9 ก.ค.) เราได้รับการประสานงานมาจากเพจ “เราต้องรอด” เป็นข้อความจากลูกสาวของคนไข้ที่อาจจะติดโควิด เพราะเธอเริ่มมีอาการป่วย จากการอาศัยอยู่กับสามีที่ตรวยพบการติดเชื้อแล้ว เราก็ไปที่ย่านสะพานใหม่ และลูกสาวเขาก็บอกว่า วันนี้เป็นวันเกิดแม่เขา ฝากอวยพรวันเกิดแม่เขาด้วย”
เหตุการณ์นี้ ถูกเล่าผ่าน นายการันต์ ศรีวัฒนบูรพา เจ้าหน้าที่ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ที่ใช้เวลาหลังเลิกงานประสานรับส่งผู้ป่วยโควิด ไปช่วยงานจิตอาสากับเฟซบุ๊กเพจ “เราต้องรอด” จนได้พบเจอกับเหตุการณ์นี้
นายการันต์ เล่าต่อว่า เคสนี้ เป็นเคสที่ผู้ป่วยฝ่ายชาย ได้ประสานติดต่อโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งไว้แล้ว แต่เตียงยังไม่ว่าง ทางโรงพยาบาลและทางเพจเราต้องรอด จึงประสานงานกันต่อ เพื่อให้มีกระบวนการดูแลผู้ป่วยและคอยตรวจสอบอาการได้ก่อน จึงเข้าไปช่วยตรวจสอบด้วยการใส่ชุด PPE นำเครื่อง RAPID TEST เข้าไปเพื่อตรวจหาเชื้อเบื้องต้นให้คุณแม่ ซึ่งยังไม่ได้ตรวจเลยด้วย และจะนำเครื่องตรวจวัดออกซิเจนไปทิ้งไว้ให้ผู้ป่วย เพื่อให้เขาสามารถตรวจวัดระดับออกซิเจนเองได้ ให้มีข้อมูลบอกกับทางโรงพยาบาลเกี่ยวกับอาการตัวเองได้ คล้ายๆ มาตรการ Home Isolation
“ระหว่างที่ทีมกำลังจะเข้าไป ลูกสาวของผู้ป่วย ได้ส่งข้อความมาว่า วันนี้เป็นเกิดแม่ของเธอ และซื้อเค้กเตรียมไว้ให้แม่ด้วย เราก็เลยนัดกันกลางทางกับลูกสาวเขา เพื่อไปรับเค้กมา พอมาถึงบ้านเขาประมาณสองทุ่ม ก็นัดแนะกันไว้ว่าจะให้ลูกสาวเขา VDO CALL ผ่าน LINE เข้ามา เพื่อร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้แม่เขา เราก็จุดเทียนปักบนเค้ก ถือเค้กเข้าไป ให้เขาได้อวยพรกัน แล้วก็กระดาษพัดให้เทียนดับ (ไม่ใช้การเป่า) ก็ถือว่าได้ช่วยให้เขาได้อวยพรกัน เป็นกำลังใจให้กัน เพราะคนที่เป็นแม่ บอกเราว่า เธอมีความกังวลสูงมาก อายุ 53 ปีแล้ว และมาติดโควิด แต่ก็ยังดีที่ลูกสาวให้กำลังใจ” นายการันต์ เล่าบรรยากาศที่เกิดขึ้นให้ฟัง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น จากการประสานงานของเพจ “เราต้องรอด” ซึ่งเปิดขึ้นโดยมีจุดประสงค์ที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดที่ยังไม่สามารถประสานหาเตียงในโรงพยาบาลได้ ทางกลุ่มจึงมีแนวคิดว่า “เราต้องรอด” หมายถึงว่า ในระหว่างที่ยังไม่มีเตียง จะสามารถทำอะไรเพื่อช่วยเหลือผู้ติดเชื้อที่ต้องดูแลตัวเองอยู่ที่บ้านได้บ้าง ก็จัดทีมรับข้อมูลหลังบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพมี่ผ่านการอบรมในหลักสูตรต่างๆมาแล้ว
กลุ่มเราต้องรอด ยังมีทีมด่านหน้าไปเยี่ยมผู้ป่วย ดูอาการ ไปตรวจวัดค่าออกซิเจนให้ เพราะที่ผ่านมา หากผู้ป่วยให้ข้อมูลอาการของเขากับศูนย์เอราวัณเอง ก็เป็นเพียงการคุยโทรศัพท์ และไม่ผ่านการตรวจวัด อาจทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน เมื่อมีทีมอาสาจากกลุ่ม “เราต้องรอด” เข้าไปดูแล ก็จะช่วยประสานข้อมูลกับศูนย์เอราวัณ ทำให้ศูนย์เอราวัณ ได้รับข้อมูลอาการของผู้ป่วยที่แม่ยำขึ้น สามารถจัดลำดับความสำคัญในการประสานหาเตียงในโรงพยาบาลได้ง่ายขึ้น นำไปสู่เป้าหมายการลดจำนวนผู้เสียชีวิต
ทางกลุ่ม “เราต้องรอด” ยังเปิดรับบริจาค “อุปกรณ์” ที่ “ไม่ใช่เงิน” เช่น เครื่องวัดออกซิเจนที่นิ้ว RRAPID TEST หรือยาสามัญต่างๆ เพื่อให้ทีมด่านหน้า สามารถนำสิ่งของเหล่านี้ไปให้ผู้ติดเชื้อมีไว้ใช้ที่บ้านได้ระหว่างรอเตียง