สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี เตรียมยุติการออกอากาศ 30 มิ.ย. ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ “อรุโณทัย” ผู้ประกาศประจำช่อง แจงสู้มาเรื่อยๆ ล้มลุกคลุกคลานมาหลายปี แต่ทีวีดิจิทัลชิงส่วนแบ่งการตลาด พยายามขายสินค้า สุดท้ายไปไม่ไหวแล้ว แย้มกลุ่มไทยไม่ทนยกระดับการชุมนุม อาจจะเห็นในม็อบก็ได้
วันนี้ (15 มิ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี (PEACE TV) ของบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด กระบอกเสียงของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เตรียมที่จะยุติการออกอากาศในวันที่ 30 มิ.ย. 2564 ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ หลังจากออกอากาศภายใต้ชื่อช่องยูดีดีทีวี (UDD TV) มาตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค. 2556 แล้วมีคำสั่งจากกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ให้ระงับการออกอากาศเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2557 ก่อนหน้ารัฐประหาร 2 วัน หลังจากนั้น จึงกลับมาออกอากาศใหม่ภายใต้ชื่อพีชทีวีมาถึงปัจจุบัน ก่อนจะย้ายห้องส่งจากชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว ปากซอยลาดพร้าว 71 มายังที่ทำการใหม่ ในซอยรามอินทรา 40 แยก 33-1 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2562
น.ส.อรุโณทัย ศิริบุตร ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีซทีวี กล่าวในรายการ “สาวข่าวเช้า” เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. ระบุว่า เหลืออีก 15 วัน ที่จะลาจอพีซทีวี กับทีวีที่เกิดขึ้นมาเพื่อที่จะเรียกร้องประชาธิปไตย ล้มลุกคลุกคลานกันมาหลายปี สู้กับอำนาจเผด็จการ ถูกสั่งปิดแล้วปิดอีก จนตอนนี้คดีอยู่ที่ศาลปกครอง รอศาลปกครองสูงสุดตัดสินอย่างไรกรณีที่ กสทช. สั่งปิดโดยไม่เป็นธรรม เราก็ต่อสู้มาเรื่อยๆ จนความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับหน้าจอทีวีไทย ดิจิทัลทีวีมีช่องเพิ่มมากขึ้น ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดถูกแบ่งออกไปสื่อดิจิทัลด้วย ทำให้ทีวีดาวเทียมลำบาก
“เราก็พยายามที่จะดิ้นรนทางด้านเศรษฐกิจ นอกจากการขายโฆษณาแล้ว ก็ทำผลิตภัณฑ์ของตัวเองขึ้นมาเพื่อที่จะจำหน่าย เพื่อเอาตัวรอดให้ได้ เราก็ทำมาจนถึงวินาทีนี้ ที่เราเองก็ไม่ไหวแล้ว ก็เลยเป็นที่มาว่าทำไมเราถึงต้องยุติการออกอากาศของพีซทีวี ขอบคุณสื่อมวลชนหลายแขนงที่ได้มีการรายงาน แม้จะยังไม่ได้มีการออกมายืนยันของคุณจตุพร (พรหมพันธุ์) ในเรื่องของการยุติการออกอากาศของพีซทีวี เพราะว่าเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจ แล้วก็ขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนที่เคยทำงานร่วมกัน หลายคนที่โทร.มาสอบถามด้วย เราก็สู้เหมือนเดิม สู้ต่อไป และจะรอดูจนกว่าประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนเราก็ส่วนที่จะเสริมให้มันเกิดขึ้นให้ได้ แล้วก็โดยเฉพาะจังหวะที่กลุ่มไทยไม่ทนจะมีการเดินเพื่อที่จะเรียกร้อง มีการยกระดับการชุมนุม จะมีการชุมนุม อาจจะเห็นเราในที่ชุมนุมก็ได้ อย่าลืมที่จะมาทักทาย ถามไถ่กัน” น.ส.อรุโณทัย กล่าว
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2556 ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท มี นายอนันต์ศักดิ์ คำเก่า เป็นกรรมการบริษัท ประเภทธุรกิจตอนจดทะเบียน การขายส่งสินค้าทั่วไป วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ประกอบกิจการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียง (ยกเว้นทางออนไลน์) งบการเงินปี 2562 มีสินทรัพย์รวม 13,376,537.97 บาท หนี้สินรวม 140,934,113.12 บาท แต่หักส่วนของผู้ถือหุ้น 127,557,575.15 บาท ส่วนงบกำไรขาดทุน มีรายได้รวม 25,733,165.46 บาท แต่มีรายจ่ายรวม 29,485,389.70 บาท ขาดทุนสุทธิ 3,752,224.24 บาท น้อยกว่างบการเงินปี 2561 มีรายได้รวม 11,060,520.19 บาท แต่มีรายจ่ายรวม 37,983,640.47 บาท ขาดทุนสุทธิ 26,923,120.28 บาท
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า หลังจากสถานีโทรทัศน์พีซทีวีออกอากาศตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2557 ภายใต้ชื่อใหม่ หลัง กสทช. ออกใบอนุญาตพร้อมเงื่อนไขตามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ที่ห้ามให้ข้อมูลข่าวสารที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 97/57 ฉบับ 103/57 เช่นเดียวกับทีวีดาวเทียมการเมืองกลุ่มอื่นๆ พบว่าที่ผ่านมา กสทช. พบเนื้อหารายการที่ไม่เหมาะสม ทำให้ออกคำสั่งระงับการออกอากาศ 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-17 เม.ย. 2558 ก่อนที่ประชุมคณะกรรมการ กสท. จะมีมติ 4 ต่อ 1 เพิกถอนใบอนุญาตพีซทีวีเป็นการถาวร ส่งผลทำให้ยุติการออกอากาศเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2558 เวลา 21.30 น.
แต่เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2558 พีซทีวียื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง และมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ส่งผลทำให้กลับมาออกอากาศอีกครั้ง ยกเว้นรายการมองไกล ของนายจตุพร พหรมพันธุ์ แกนนำ นปช. และกลับมาออกอากาศอีกครั้งใน 20 ก.ค. 2558 มาถึงปัจจุบัน กระทั่งวันที่ 21 มิ.ย. 2562 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนมติของคณะกรรมการ กสทช. โดยศาลเห็นว่า กระบวนการพิจารณาทางปกครองก่อนมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตฯ ของบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด เป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนหรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ในประกาศ กสทช. รวมทั้งไม่ปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างร้ายแรงใดเกิดจากการเสนอรายการดังกล่าว พร้อมชี้ว่ายังไม่ต้องเยียวยาเพราะศาลยังมิได้วินิจฉัยเนื้อหา แต่ไม่ตัดสิทธิ กสทช. หากจะสอบสวนใหม่