หัวหน้าพรรคไทยภักดีโพสต์เฟซบุ๊กแนะแนวทาง 5 ข้อไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เผยระบบ “หมอพร้อม” ไม่เหมาะต่อสถานการณ์ในประเทศขณะนี้
วันนี้ (27 พ.ค.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก “Warong Dechgitvigrom” แนะ 5 แนวทางไปยังรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาวิกฤตการลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยได้มีการระบุข้อความไว้ดังนี้
“#เสนอแนะรัฐบาล
เนื่องจากระบบหมอพร้อมเป็นระบบรวมศูนย์อำนาจ ที่ราชการส่วนกลางกำหนดให้ประชาชนลงทะเบียน เลือกสถานที่ฉีด เลือกวันฉีด ระบบนี้ไม่เหมาะต่อการบริการคนทั้งประเทศ
ยิ่งมีตัวแปรเข้ามา คือการระบาดมากๆ ในพื้นที่สีแดงเข้ม ทำให้การกระจายวัคซีนต้องปรับตามสถานการณ์ ย่อมมีผลต่อการลงทะเบียนผ่านระบบหมอพร้อม ระบบหมอพร้อมจึงเหมาะต่อการนัดหมายที่สถานการณ์ต้องนิ่ง ไม่มีการระบาด
ข้อเสนอแนะที่ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย
1. ต้องกระจายอำนาจ แผนการฉีดวัคซีนไปตามจังหวัดต่างๆ จริงๆ โดยให้ผู้ว่าฯ และกรรมการรับผิดชอบ ตามเป้าหมายที่กำหนด และเวลาที่สิ้นสุด
2. ส่วนกลางแค่กำหนดยุทธศาสตร์ภาพรวม เพิ่มยอดวัคซีนให้ตามยุทธศาสตร์ที่กำหนด เช่น พื้นที่ระบาดมาก พื้นที่กำหนดแผนท่องเที่ยว กำหนดนโยบาย กระจายวัคซีน สถานที่ฉีดให้มีมากๆ ไม่ควรรวมคนมามากๆ ในที่ฉีดเดียวกัน หรืออื่นๆ
3. การจัดสรรวัคซีนให้แต่ละจังหวัด ยอดรวมตามเป้าหมาย แต่ยอดรายเดือน ส่วนกลางกำหนด ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ แต่ต้องมียอดขั้นต่ำให้ทางจังหวัด ส่วนยอดกองกลาง ให้ส่วนกลางส่งสมทบ พื้นที่ยุทธศาสตร์เร่งด่วน เช่นพื้นที่ที่กำลังระบาดมากสีแดงเข้ม
4. รายละเอียดแผนการฉีดต่างๆ ให้มีการเปิดแอปฯ จังหวัด และดึงข้อมูลในหมอพร้อมของแต่ละจังหวัด ให้จังหวัดมาบริหารเอง มีการใช้ อสม. การจะให้ลงทะเบียน ณ ที่ฉีด ลงไปฉีดที่ รพ.สต.เพื่อให้สะดวกต่อประชาชน ให้เป็นไปตามแผนแต่ละจังหวัด ส่วนกลางไม่ควรยุ่ง
5. ส่วนกลางจึงเป็นผู้อำนวยความสะดวก (Facillitator) ติดตาม ประเมินผล ช่วยแก้ปัญหา รายงานประชาชนในภาพรวม รายงานข้อเท็จจริงที่ถูกบิดเบือน ที่สำคัญ จะได้เห็นฝีมือของผู้ว่าฯ และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดด้วย
สิ่งเหล่านี้เป็นข้อเสนอแนะที่รัฐบาลไม่ต้องมานั่งปวดหัว เอาเวลามามองภาพรวมของประเทศจะดีกว่า ที่สำคัญ ผมดีใจแทนรัฐบาลอย่างหนึ่งคือ ประชาชนไม่ฟังพวกสามกีบที่พยายามให้ร้ายเรื่องวัคซีน แต่ฟังข้อมูลด้วยเหตุและผล และพร้อมที่จะฉีดวัคซีนตามที่รัฐบาลแนะนำ ตามข้อความที่แชร์กัน คือ #ฟังหมอไม่ฟังหมา”