ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา แนะไทยควรเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ 70 เปอร์เซ็นต์ภายใน 4 เดือนจึงจะเห็นผลในการควบคุมโรคได้ และควรศึกษาแนวทางการกระตุ้นในเข็มที่ 3 เพื่อให้คงสภาพภูมิที่สูงอยู่เพื่อใช้ในการป้องกันระยะยาวต่อไป
วันนี้ (23 พ.ค.) เฟซบุ๊ก "Yong Poovorawan" หรือ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เผยแพร่ความรู้เรื่องวัคซีนโควิด-19 โดยระบุข้อความว่า "จุดเริ่มต้นถึงแม้ว่าจะออกจากประเทศจีนเข้าสู่เอเชีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทยมีการควบคุมโรคได้เป็นอย่างดียิ่งด้วยมาตรการต่างๆ โรคได้ไประบาดอย่างมากในตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกา ลงสู่ละตินอเมริกา ในอเมริกา ยุโรป มีการระบาดอย่างหนัก
เมื่อเริ่มมีการใช้วัคซีนตั้งแต่ปลายปี จะเห็นได้ว่ากว่าจะควบคุมโรคให้ลดลงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4 เดือน ในขณะนี้การระบาดในอเมริกา อังกฤษ อยู่ภายใต้การควบคุม และระบบสาธารณสุขสามารถรองรับได้ โรคได้ย้อนกลับมายังเอเชีย อีกครั้งหนึ่งโดยเฉพาะที่ประเทศอินเดีย และรอบข้างมีการระบาดอย่างหนัก รวมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศไทย บทเรียนจากทางยุโรปและอเมริกาในการควบคุมโรคด้วยวัคซีนต้องให้เร็วและครอบคลุมให้มากที่สุด แม้กระทั่งในอเมริกาเองใช้เวลาร่วม 5 เดือนแล้ว อัตราการครอบคลุมยังอยู่ที่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็เริ่มเห็นผลว่ามีการควบคุมโรคได้เป็นอย่างดี ประเทศไทยเพิ่งเริ่มให้วัคซีน ขณะนี้ครอบคลุมเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ จะต้องทำให้ได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ภายใน 4 เดือน เราจึงจะเห็นผล
การให้วัคซีนจะต้องปูพรมไปก่อน ครอบคลุมให้ได้มากที่สุด ด้วยวัคซีนที่เรามีอยู่ AstraZeneca และตามด้วยการกระตุ้นเข็ม 2 ในขณะเดียวกันเราก็จะต้องพยายามหาวัคซีนอื่นๆ เพิ่มเติมมาอีก เพราะในอนาคตอันใกล้นี้จำเป็นจะต้องมีการกระตุ้นให้ภูมิสูงอยู่ตลอดเวลา หรือปรับเปลี่ยนวัคซีนให้เหมาะสมกับการกลายพันธุ์ของไวรัส การติดตามภูมิต้านทานในประชากรไทยที่ได้รับวัคซีนมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และจะต้องประเมินประสิทธิภาพในการป้องกันในบริเวณที่มีการระบาด ศึกษาแนวทางการกระตุ้นในเข็มที่ 3 เพื่อให้คงสภาพภูมิที่สูงอยู่ตลอดเวลา ใช้ในการป้องกันระยะยาวต่อไป มีความจำเป็นที่จะต้องเริ่มทำการศึกษา
สิ่งหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องทำการศึกษา คือการสลับปรับเปลี่ยนชนิดหรือยี่ห้อของวัคซีน เพราะขณะนี้เราเริ่มเห็นปัญหา เช่นนักเรียนหรือผู้ที่จะเดินทางไปยุโรปหรืออเมริกายังไม่แน่ใจว่าจะยอมรับวัคซีนจีนหรือไม่ ถ้าไม่ยอมรับเราจะฉีดวัคซีนเพิ่มเติมหรือมีการสลับปรับเปลี่ยนชนิดของวัคซีนที่กำลังฉีดอยู่ได้หรือไม่ คนที่แพ้วัคซีนเข็มแรก เข็มที่ 2 ก็มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนชนิดวัคซีน หรือในอนาคตที่มีวัคซีนหลายยี่ห้อมา ถ้าต้องการกระตุ้นในคนที่ได้รับวัคซีนครบแล้วจะสามารถทำได้อย่างไร ข้อมูลทั้งหมดจะต้องรีบทำการศึกษาเพื่อนำมาใช้ในประเทศของเรา"