ชาวอุบลราชธานีโพสต์ข้อความ พบเจอหนุ่มแรงงานชาวประจวบคีรีขันธ์ มาทำงานก่อสร้างที่ยโสธร เจอนายจ้างเทไม่จ่ายค่าแรงเกือบ 2 เดือน เลยอยากกลับบ้าน กระเสือกกระสนโบกรถจากยโสธรมาลงอุบลฯ ก่อนขอความช่วยเหลือตำรวจ แต่ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายมาหยุดที่หน้าร้านค้าตรงวงเวียนน้ำพุ เจ้าของใจดีพาไปส่งขึ้นรถไฟ ซื้อตั๋วเดินทางกันยาวๆ แถมให้เงินติดตัวไปด้วย
วันนี้ (20 เม.ย.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Kosin Sritanee” โพสต์ภาพชายรายหนึ่งที่สะพายกระเป๋าเป้ เหตุเกิดที่จังหวัดอุบลราชธานี ระบุข้อความว่า “เคยเห็นแต่ในข่าว วันนี้เจอกับตัวเอง แรงงานโดนผู้รับเหมาไม่จ่ายค่าแรง แล้วปล่อยแรงงานทิ้งตามยถากรรม เห็นน้องเดินมาขอซื้อน้ำเปล่าที่หน้าร้าน เลยได้ถามว่าจะไปไหน มายังไง เลยได้ความว่า เป็นคนประจวบคีรีขันธ์ มาเป็นแรงงานก่อสร้างที่ยโสธร นายจ้างเบี้ยวหนีหาย ไม่จ่ายค่าแรงเกือบสองเดือน เลยอยากกลับบ้าน เลยโบกรถจากยโสธรมาลงอุบลราชธานี เพื่อจะกลับบ้านที่ประจวบคีรีขันธ์ โอ้ยน้อชีวิต ...
สอบถามข้อมูลอยู่พักใหญ่ เลยตัดสินใจว่า โอเคเดี๋ยวพี่ส่งกลับบ้านเอง ผมกับพี่อู๊ดเลยพาไปส่งสถานีรถไฟ และซื้อตั๋วให้ไปยาวๆ ถึงประจวบคีรีขันธ์เลย กับเงินซื้อข้าวกินอีกส่วนหนึ่ง เพื่อนปูมาเล่นด้วยพอดี เลยได้ช่วยกันให้การช่วยเหลือด้วยกัน ก็ไม่รู้จะพูดยังไงเนอะ ชีวิตมนุษย์ด้วยกัน ยากดีมีจน มาถึงรถไฟได้เวลาออกพอดี โชคดีเด้อ ได้รับความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกและข้อมูลจากเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ วารินชำราบด้วยครับ”
ต่อมาได้โพสต์รายละเอียดเพิ่มเติมระบุว่า “ต่อจากประเด็นเรื่องน้องคนงานก่อสร้างมารับงานก่อสร้างที่ อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร แล้วโดนนายจ้างผู้รับเหมาเท เบี้ยวไม่จ่ายค่าแรง 2 เดือน แล้วทิ้งหนีหายไปเลยนั้น ชื่อกาย อายุ 26 ปี เป็นคนประจวบคีรีขันธ์พูดจาดี มีครับผมลงท้ายตลอด น้องเขาขอติดรถจากยโสธร มาลงที่ขนส่งอุบลฯ (สถานีขนส่งผู้โดยสารอุบลราชธานี) แล้วนายท่าที่ขนส่งบอกให้ไปขอความช่วยเหลือที่สถานีตำรวจ น้องเขาก็เดินเท้าจากขนส่งอุบลฯ ไป สภ.เมืองอุบลราชธานี โห! ไกลมาก แต่แจ้งความอะไรไม่ได้ เพราะไม่มีสัญญาจ้างงาน ไม่มีเอกสารอะไรเลย ก็มาเป็นแรงงานก่อสร้างเท่านั้นเอง เลยเดินไปเรื่อยจนมาถึงหน้าร้านผมที่วงเวียนน้ำพุ สะพานแม่น้ำมูลนั่นเอง
ผมมีอะไรจะเล่าให้ฟังเพิ่มเติม ในช่วงที่ผมสอบถามน้องกายอยู่นั้น ที่หน้าร้านที่วงเวียนน้ำพุ อุบลราชธานี มีพนักงานของบริษัทผู้รับเหมาที่กำลังปฏิบัติงานเอาสายไฟลงดินของเทศบาลนครอุบลราชธานี มาซื้อน้ำเปล่าที่ร้านพอดี เลยเล่าเรื่องของน้องกายให้น้องเขาฟัง น้องเขาบอกทางบริษัทน้องเขากำลังต้องการคนงานเพิ่มอยู่ สนใจมั้ย เค้าจะไปบอกหัวหน้างานให้ แต่น้องกายบอก “ผมขอกลับบ้านครับ” ผมก็เชียร์อยากให้น้องเขาได้งานทำ เพราะคงไม่มีเงินแล้ว แต่น้องกายเขายังยืนยันว่าจะขอกลับบ้าน คือ เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของน้องเขาในขณะนั้นเลยว่าคงรู้สึกกลัวว่าจะโดนหลอกอีกหรือเปล่า จะกินจะอยู่จะทำยังไง ฯลฯ เลยคิดว่าไปตั้งหลักที่บ้านเกิดก่อนคงจะดีกว่า เพราะน้องบอกมีพ่อกับแม่อยู่ที่ประจวบคีรีขันธ์อยู่ เป็นเรา เราเองก็คงอยากกลับบ้านเหมือนกันกับน้องเขา เพราะบ้านของเราไม่ว่าจะมีสภาพยังไงก็คือบ้าน บ้านที่มีพ่อแม่พี่น้องรออยู่คงจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในขณะนั้น เลยบอกน้องกายไปว่า งั้นกลับบ้านก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน
มีหลายท่านที่ต้องการให้ความช่วยเหลืออยากให้งาน ให้อะไรต่างๆ ทั้งส่งข้อความมาในแชตส่วนตัวและเมนต์ในโพสต์เยอะแยะมากมาย ต้องขอขอบพระคุณแทนน้องเขาด้วย ผมไม่ได้ขอเบอร์ติดต่อน้องเขาไว้ เพราะทุกอย่างมันค่อนข้างกะทันหันและฉุกละหุกมาก เพราะถึงสถานีรถไฟปุ๊บ รถไฟก็ติดเครื่อง และกำลังจะออกแล้ว เพราะถ้าไม่ไปขบวนนี้ เจ้าหน้าที่รถไฟบอกต้องรออีกทีตี 5 เลยให้น้องวิ่งขึ้นไปเลยตามภาพที่เห็น
โอเค มาถึงตรงนี้อยากฝากบอกนายจ้างที่คิดจะทำกับลูกจ้างแบบนี้ว่า อย่าซ้ำเติม อย่าไปเอารัดเอาเปรียบเขาเลย สร้างเวรสร้างกรรมเขามาทำงานก็อยากได้เงินไปเลี้ยงครอบครัวเขา เขาอยากมีชีวิตต่อลมหายใจเขา เขาก็เจ็บได้ร้องไห้เป็น มีเลือดมีเนื้อเหมือนกัน แต่ต่างกันที่เขามีโอกาสน้อยกว่าเท่านั้นเอง คาดว่าตอนนี้น้องเขาคงใกล้ถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วล่ะครับ”