xs
xsm
sm
md
lg

“รุ้ง” ซึ้งชมภาพถ่ายดอกเดซีที่ปลูกร่วมกับแฟนหนุ่ม เผยน้ำหนักลดฮวบ จ่ออดข้าวเป็นเพื่อน “เพนกวิน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพจากแฟ้ม
ทนายเผยเข้าเยี่ยม “รุ้ง” นำภาพถ่ายดอกเดซีที่ปลูกร่วมกับแฟนหนุ่มไปให้ เจ้าตัวมองรูปและยิ้มตลอดเวลา เผยล้มฟาดพื้นสะโพกเจ็บ น้ำหนักลดไปแล้ว 3.5 กิโลฯ จ่ออดข้าวประท้วงเป็นเพื่อน “เพนกวิน” สุดปลื้มม็อบ 24 มีนา คนมาร่วมเยอะ

วันที่ 25 มี.ค. 2564 เพจ “ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน” โพสต์บันทึกเรื่องราวจากการเข้าเยี่ยม น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำม็อบราษฎร ที่ทัณฑสถานหญิงกลางว่า

“24 มีนาคม 2564

รุ้งเปิดยิ้มกว้างเมื่อเห็นฉันเดินตรงเข้าไปที่ช่องเยี่ยมหมายเลข 36

ฉันทักทายเธอด้วยประโยคเดิมเหมือนครั้งแรกที่เราเจอกัน “เป็นยังไงบ้าง”

“สบายดี” รุ้งตอบพลางยิ้ม

แต่เธอเล่าว่าเมื่อครู่ ตอนเดินลงบันไดมาเพื่อพบเราที่ห้องเยี่ยม เธอพลาดล้มลง สะโพกกระแทกพื้นจนรู้สึกเจ็บ และบอกว่าหลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะพาเธอไปห้องพยาบาลเพื่อตรวจดูอาการ

ฉันเล่าเรื่องที่กำลังถูกพูดถึงในทวิตเตอร์ให้เธอฟัง ทั้งเรื่องงานแสดงศิลปะที่ ม.เชียงใหม่ เรื่องการแบนเอ็มเคกับยาโยอิ รวมถึงเรื่องที่ กทม.ใช้งบถึง 11 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงสวนของราชนิกุลชั้นสูงพระองค์หนึ่ง

เธอจึงเล่าเรื่องในเรือนจำให้ฟังว่า ตั้งแต่เธอเข้ามาเจ้าหน้าที่เปิดข่าวในพระราชสำนักให้ผู้ต้องขังดูทุกวัน และฉายสารคดีเกี่ยวกับความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอด เธอไม่เข้าใจว่าเรือนจำทำแบบนี้ทำไม พอๆ กับที่ฉันได้แต่ฟังด้วยความไม่เข้าใจด้วยเช่นกัน

ฉันเอาจดหมายจากเพื่อนๆ ของเธอให้อ่านผ่านกระจกกั้นระหว่างเรา แล้วเอาภาพถ่ายต้นดอกเดซีที่แฟนหนุ่มเธอฝากมาให้เธอดู

“ต้นนี้หนูปลูกกับแฟนนะ” เธอบอก และยิ้มตลอดเวลาที่เห็นดอกไม้สีขาวนั้น แม้มันจะเป็นเพียงภาพถ่ายก็ตาม

รุ้งพูดถึงเรื่องการเยี่ยมผู้ต้องขังในช่วงที่ต้องกักตัวควบคุมโรคโควิด-19 โดยบอกว่าที่เรือนจำไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังเลย จนทำให้ผู้ต้องขังหลายคนเกิดความเครียด

เธออยากให้เรือนจำอนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยม เหมือนที่ให้ทนายความเยี่ยมได้ในช่วงกักตัว บางคนไม่ได้พบญาตินานกว่า 3 เดือนแล้ว เพราะทุกครั้งที่ถูกเบิกตัวไปขึ้นศาลก็จะต้องกลับมากักตัวเป็นเวลา 14 วันอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนญาติไม่มีโอกาสได้เยี่ยมเลย

เธอไม่อยากให้เป็นเช่นนี้ ไม่ใช่เฉพาะกับผู้ต้องหาคดีการเมืองเท่านั้น แต่ผู้ต้องหาทุกคนไม่ว่าจะถูกดำเนินคดีอะไรควรได้พบเจอกับญาติ พวกเขาจะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและช่วยบรรเทาความเครียดของผู้ต้องขังด้วย

จากนั้นฉันเอาบทกลอนที่อาจารย์ท่านหนึ่งของเธอแต่งฝากมาให้

“มีสายรุ้งหนึ่งสายที่เฉิดฉาย
ในวันที่แสงตะวันหายโลกไร้แสง
ท่ามกลางการปลุกปั่นเปรอะเปื้อนปั้นแสดง
รุ้งหนึ่งยังคงงามแจ่มแจ้ง กระจ่างใจ”

ฉันบอกกับเธอว่าเธอเป็นเช่นบทกลอนบทนี้ และย้ำกับเธอว่าพวกเราข้างนอกคิดถึงเธอทุกวัน ไม่มีใครลืมเธอกับเพื่อนเลยสักวัน

ตอนนี้รุ้งมีเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทในแดนแรกรับแล้ว เธอคนนั้นเป็นนักศึกษาพยาบาลที่รู้จักรุ้งจากการเคลื่อนไหวทางการเมือง และยังเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนกลุ่มราษฎรอีกด้วย ทั้งสองคุยกันถูกคอ หน้าหนังสือถูกวางลงบ้างแล้ว เพราะเวลาว่างของรุ้งถูกใช้ไปเพื่อสนทนากับเพื่อนใหม่

ฉันบอกเธอว่าวันนี้ (24 มี.ค. 64) จะมีการชุมนุมของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ที่เพื่อนรักของเธอก็ขึ้นปราศรัยด้วย

เธอได้ยินดังนั้น ก็พูดถึงเพื่อนด้วยความภูมิใจ “รักนะ” พร้อมวานให้ฝากข้อความถึง “เบนจา อะปัญ” เพื่อนรักคนสนิท หนึ่งในสมาชิกของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม

ถึงเบนจา

“รู้จากทนายว่ามึงจะเป็นสปีกเกอร์ในเวทีชุมนุมวันนี้ด้วย หวังว่ามึงจะเป็นตัวของตัวเองที่สุด พูดทุกอย่างออกมา ทำให้เหมือนเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้พูด พูดให้เสียงดัง ฟังชัด ให้คำพูดของมึงเสียดแทงเข้าไปในหัวใจของทุกคน มึงอาจจะกังวล แต่กูรู้ว่ามึงทำได้ เพราะกูได้เห็นแล้วเมื่อครั้งล่าสุดวันที่ 20 กูภูมิใจในตัวมึงมากไป”

“มึงทำได้ ทำให้เต็มที่ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น กูอยู่ข้างมึงเสมอ รักนะ”

ขณะเดียวกันรุ้งก็เป็นห่วงเพื่อนสนิทอย่าง “เพนกวิน พริษฐ์” เอามากๆ ทุกครั้งที่เอ่ยถึงเพนกวินสีหน้าเธอดูเศร้า และคล้ายจะร้องไห้ตลอด

“ฝากบอกแม่ให้เอาโปรตีนเชคมาให้วันศุกร์นี้ด้วยนะ”

เธอจะเอาโปรตีนเชคไปให้เพนกวินทาน เพราะเป็นห่วงที่เห็นเขาอดข้าวประท้วงมานานหลายวัน และประกาศชัดว่าจะกินแค่น้ำเปล่ากับเกลือแร่ประทังชีวิตเท่านั้น จนเธออดคิดไม่ได้ว่าร่างกายเขาจะไม่ไหวเอา
แม้เธอจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับการกระทำของเพนกวิน แต่เธอปล่อยให้เพื่อนสู้เพียงลำพังไม่ได้ เหมือนกับที่เธอไม่เคยทิ้งเพื่อนผู้ร่วมสู้เคียงข้างตลอดเวลาที่ผ่านมา

“ถ้าเพนกวินยังไม่ยอมกินข้าว หนูจะอดข้าวประท้วงเป็นเพื่อนเขา” รุ้งเอ่ยด้วยนัยน์ตามุ่งมั่น

ก่อนจะจากกันเธอยังฝากมาย้ำกับทุกคนอีกว่า เธอสบายดีและจะยังต่อสู้ไปพร้อมกับทุกคนเสมอ สามนิ้วของเธอจะถูกชูจากข้างในนี้ เพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกคน ด้วยรักและศรัทธาต่อสถาบันประชาชน

--------------------------------------------------------------------------

25 มีนาคม 2564

วันนี้รับบททนายสายเยี่ยมอีกวัน “รุ้ง” ยังเป็นคนเดียวที่ฉันเข้าเยี่ยม

น้องบอกว่าเมื่อวานได้ไปพบพยาบาล และได้ยาแก้ปวดรักษาอาการเจ็บสะโพกที่หกล้มแล้ว และเจ้าหน้าที่จะดูแลความปลอดภัยให้ดีขึ้น ไม่ให้มีน้ำขังบนบันไดที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

เล่าให้รุ้งฟังถึงสถานการณ์ทางการเมือง 2-3 เรื่อง

เรื่องแรก #ม๊อบ24มีนา บอกรุ้งว่าคนมาเยอะ เล่าให้ฟังว่าคนปราศัยพูดประเด็นอะไรบนเวที น้องดีใจมากๆ ที่คนออกมากันเยอะ เอาบทกลอนที่น้องมายด์อ่านตอนปราศัยให้รุ้งอ่าน น้องบอกว่า “เจ๋งมาก”

รุ้งฝากขอบคุณทุกๆ คนที่ออกมาต่อสู้ ถ้าเป็นไปได้เธออยากออกไปต่อสู้ร่วมกับทุกคน และดีใจมากๆ ที่ไม่มีใครถูกจับกุมเมื่อวานนี้ ไม่ควรมีใครต้องถูกส่งเข้าเรือนจำด้วยเหตุเคลื่อนไหวทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย
อัพเดทเรื่องอัยการเลื่อนนัดฟ้องคดี 13 ผู้ต้องหา กรณีชุมนุมสถานทูตเยอรมนี รุ้งดีใจที่ยังไม่มีใครต้องถูกส่งตัวไปเรือนจำอีก และตัวเธอเองก็ไม่ควรต้องอยู่ในนี้

เธอบอกว่าในเรือนจำ ทำให้เธอได้คุยกับคนที่เป็นเหยื่อจากความเหลื่อมล้ำในสังคมมากขึ้น คนหนึ่งที่บ้านยากจน จนต้องค้าประเวณีเพื่อหาเงินเรียนเอง และสามารถส่งตัวเองเรียนจนจบ อีกคนหนึ่งเติบโตมาในสลัมที่แวดล้อมไปด้วยสิ่งเสพติด แม้จะดิ้นร้นให้หลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมนั้นมากเท่าไร แต่ความจนก็บีบรัดจนต้องกลายเป็นคนส่งยาเสพติด เธอจึงยิ่งมั่นใจว่าจะต้องต่อสู้เพื่อสร้างรัฐสวัสดิการให้เกิดขึ้นในสังคมไทย

ตั้งแต่เข้าเรือนจำมาเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ตอนนี้น้ำหนักเธอหายไปแล้ว 3.5 กิโล แต่บอกว่ารู้สึกเบาตัวขึ้น

เธอเล่าเรื่องในห้องขังแดนแรกรับว่าอยู่กัน 30 คน (เคยสูงสุดถึง 50 คน) ในห้องขนาด 15X31 เมตร มีห้องน้ำ 2 ห้อง หลายคนเป็นโรคเกี่ยวกับการขับถ่ายทั้งหนักและเบา เนื่องจากต้องอั้นไว้เป็นเวลานานบ่อยๆ ต้องขออนุญาตใช้ห้องน้ำและมีการกำหนดเวลาใช้ด้วย นอกจากนี้ ผู้ต้องขังก็ป่วยด้วยโรคผิวหนังกันเยอะ น้ำกัดเท้าก็มากเพราะไม่ค่อยได้รับอนุญาตให้สวมรองเท้า

สิ่งที่สามารถเยียวยาจิตใจเธอคือจดหมายหรือข้อความจากทุกคน ที่เรือนจำจะมี “ตู้ส่งใจ” ให้เขียนจดหมายน้อยถึงผู้ต้องขังได้ ข้อความที่ส่งผ่านตู้นี้ เธอจะได้รับภายใน 1-2 วัน ไม่เหมือนจดหมายที่ส่งตามวิธีปกติ ซึ่งใช้เวลานานกว่าจะได้อ่าน เธอจะหยิบจดหมายหรือข้อความของทุกคนมาอ่านซ้ำๆ อย่างไม่รู้เบื่อ

ส่งไปให้เธอเยอะๆ นะ เธอรักที่อ่านข้อความจากทุกๆ คน”




กำลังโหลดความคิดเห็น