xs
xsm
sm
md
lg

เร่งช่วย! ครูสาวพะเยา สามีติดยาทุบตีหอบลูกหนี เงินเดือนไม่พอจ่ายหนี้ ต้องเก็บขยะขาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โซเชียลแห่แชร์เรื่องราวของครูสาวรายหนึ่งในจังหวัดพะเยา ที่ชีวิตตกต่ำจากสามีติดยาเสพติดทำร้ายลูก ต้องหอบลูกหนี แถมเงินเดือนจ่ายหนี้ที่เคยกู้มาสร้างครอบครัวจนเกือบหมด อาศัยในเพิงสังกะสีและต้องหาเก็บขยะขาย ล่าสุดเบื้องต้นได้รับความช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้านแล้ว

วันนี้ (24 มี.ค.) เพจ “ฮันเตอร์” โพสต์เรื่องราวของครูคนหญิงรายหนึ่ง ในจังหวัดพะเยา พบว่า มีชีวิตลำบากเนื่องจากสามีติดยา ทำให้ต้องหอบลูกหนีต้องเก็บขยะขายประทังชีวิต แม้แต่ทานข้าวเหลือจากนักเรียน

โดยระบุข้อความว่า “ครูสาวสุดรันทด หอบลูกหนีผัวติดยา อาศัยเพิงสังกะสีหลับนอน ต้องเก็บขยะขายประทังชีวิต กินข้าวเหลือจากเด็กนักเรียน เป็นครูสอนอยู่ที่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 10 บ้านหัวฝาย ต.ควร อ.ปง จ.พะเยา ชื่อ “น.ส.นภัสกร ใจเย็น” อายุ 39 ปี เป็นครูอัตราจ้างตั้งแต่ปี 2548 และเพิ่งได้บรรจุเมื่อปี 2557 มีเงินเดือนอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาท แต่ต้องหักค่าเงินกู้ เป็นเงิน 16,000 บาท ซึ่งเป็นบ้านหลังแรกที่สร้างไว้อยู่กินกับผัว มีลูกสาว 1 คน ตอนนี้เรียนอยู่ชั้น ม.2 ยังมีค่าผ่อนรถจักรยานยนต์ของลูกสาวและของตนเอง อย่าว่าแต่เงินเหลือเก็บเงินซื้อข้าวปลาอาหารก็ไม่มี

ชิวิตพลิกผันเมื่อผัวติดยา ถูกผัวทำร้ายร่างกาย และถึงขั้นทุบดีลูกสาวจนต้องเข้าโรงพยาบาลจนทนอยู่ไม่ได้ เลยหอบลูกหนีมาขออยู่กับพี่สาว เป็นบ้านกระต๊อบหลังคามุงสังกะสีรั่วที่พี่สาวสร้างให้พออยู่อาศัยไปก่อนไม่มีประตูใช้เพียงผ้าผืนใหญ่ทำเป็นฉากกั้นไม่มีพัดลม ต้องยืมของชาวบ้านใช้ ส่วนไฟก็ต่อมาจากบ้านพี่สาว ส่วนลูสาวเป็นเด็กเรียนเก่ง ได้รับทุนการศึกษา จะไปนอนบ้านพี่สาวบ้าง บ้านแม่บ้าง ส่วนพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังเล็กๆ แม่ชื่อ “นางพรรณ สุริโย” อายุ 68 ปี ป่วยเป็นโรคปวดตามข้อ เดินเหินลำบาก

ทุกเช้าก่อนไปทำงาน จะห่อข้าวให้ลูกสาวไปโรงเรียน ส่วนตนเองบางวันหิวก็ต้องแอบกินเศษข้าวที่เหลือจากเด็กๆ ที่กินอิ่มไปแล้ว ไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวจะมีคนรู้ แล้วไปฟ้องผู้บังบัญชาว่าแย่งข้าวเด็กกิน ซึ่งไม่ได้มีเจตนาที่แย่งข้าวเด็กกินแต่อย่างใด และในช่วงเสาร์-อาทิตย์ ก็จะออกไปเก็บขยะหาของเก่าไปขายเพื่อประทังชีวิต
ส่วนบ้านที่สร้างไว้ก็ไม่กล้ากลับเข้าไปอยู่ เพราะกลัวผัว ถ้ากลับมาจากบำบัดยาเสพติด แล้วจะมาทำร้ายอีกหรือไม่ ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ทั้งแม่ทั้งพี่สาวก็ไม่ได้รวยหรือมีเงินเหมือนคนอื่น

โดย “นายชูเกียรติ ไชลังกา” อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้านหัวฝาย เผยเพิ่มเติมว่า ครูสาวมีจิตใจค่อนข้างเด็ดเดี่ยว ไม่ค่อยบอกเรื่องที่ชีวิตรัดทดให้คนอื่นฟัง เป็นคนเรียบร้อย นิสัยดี ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน ชาวบ้านรู้จักนิสัยเป็นอย่างดี รู้สึกเห็นใจครูสาวเป็นอย่างมาก

ด้าน นายสุจินต์ คำหล้า นายกองการบริหารส่วนตำบล เผยว่า รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากไม่เคยทราบมาก่อน ครูสาวเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตน เป็นคนจริงจังกับการทำงาน เป็นคนเรียบร้อย เงียบๆไม่ค่อยพูด จะเรียกครูสาวมาสอบถาม และจะให้การช่วยเหลือเป็นลำดับต่อไป

ทั้งนี้ มีชาวเน็ตให้ความสนใจในโพสต์ดังกล่าวมากมาย และต่างตั้งข้อสังเกตว่าทำไมครูสาวถึงต้องมีชีวิตตกต่ำขนาดนี้ ในเมื่อมีทรัพย์สินที่สร้งมาได้อย่างบ้านกับรถจักรยานยนต์ และคิดว่า ครูควรขายทรัพย์สินก่อนมาขอความช่วยเหลือ แต่ก็มีชาวเน็ตบางเห็นใจและให้กำลังใจให้สู้ โดยโพสต์มียอดกดไลก์แล้ว 400 ครั้งด้วยกัน

คลิกโพสต์ต้นฉบับ




กำลังโหลดความคิดเห็น