วันนี้ (17 มี.ค.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวว่า ปัญหาชายฝั่งทะเลเกิดการกัดเซาะเป็นปัญหาที่ค่อนข้างซับซ้อน และสร้างผลกระทบโดยตรงต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายฝั่งทะเล นอกจากปัญหาชายฝั่งทะเลถูกกัดเซาะยังมีอีกปัญหาที่เกิดขึ้นตามมา ได้แก่ ปัญหาที่ดินโฉนดตกน้ำ ซึ่งกลายเป็นข้อขัดแย้งทางกฎหมายที่สร้างผลความเดือดร้อนอย่างมากให้พี่น้องประชาชน ตนคิดว่าปัญหาดังกล่าวสามารถยุติได้โดยทุกฝ่ายต้องพร้อมที่จะคุยกันอย่างจริงจังและยึดประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน บนพื้นฐานของข้อกฎหมาย
“ทั้งนี้ ผมได้ให้นโยบายไว้กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืน ซึ่งทางด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะช่วยกำกับและติดตามอย่างใกล้ชิด อีกทั้งได้เน้นย้ำให้มีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ประชาชนต้องรับรู้ รับทราบ และสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นจริง และที่สำคัญต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความขัดแย้งและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน” รมว.ทส.กล่าว
ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ติดตามแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณชุมชนคลองเสาธง ต.บางปูใหม่ อ.เมืองฯ จ.สมุทรปราการ ว่าทันทีที่ตนได้รับทราบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและปัญหาโฉนดตกน้ำซึ่งเป็นปัญหายืดเยื้อมานานนับ 10 ปี ภายหลังจากการก่อสร้างแนวเขื่อนหินกันคลื่นหินทิ้ง เมื่อปี 2545 และเขื่อนหินทิ้งริมฝั่ง เมื่อปี 2554 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินชาวบ้านถูกกัดเซาะจนหลายพื้นที่กลายเป็นที่ดินตกน้ำต่อไป
นายโสภณกล่าวต่อว่า หลังการก่อสร้างทำให้มีพื้นที่ดินเลนงอกใหม่ในพื้นที่ที่เคยกลายเป็นพื้นที่ตกน้ำ จนเกิดปัญหาการเรียกร้องสิทธิในพื้นที่ ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ทช.ประสานหน่วยงานในพื้นที่ของกรมเจ้าท่า กรมที่ดิน สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรปราการ และสำนักงานเทศบาลตำบลบางปู ประชุมหาแนวทางการแก้ไขปัญหากัดเซาะชายฝั่งและข้อกฎหมายเกี่ยวกับปัญหาที่ดินโฉนดตกน้ำ ซึ่งเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานาน และเป็นปัญหาในหลายพื้นที่ต่อพี่น้องประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนและกลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างชุมชนและหน่วยงานภาครัฐ
นายโสภณกล่าวอีกว่า โดยในวันนี้ (17 มี.ค.) ตนได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ พร้อมด้วย นายบรรเจิด อุดมสมุทรหิรัญ ผู้แทนเครือข่ายรักษ์อ่าวไทยและผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ผู้แทนชาวบ้านชุมชนคลองเสาธงที่ประสบปัญหา พร้อมทั้งได้ลงตรวจสอบพื้นที่ชุมชนคลองเสาธง เพื่อหาแนวทางแก้ไข ทั้งนี้ จากการประชุมวันนี้ ทช.จะร่วมกับ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน ม.ธรรมศาสตร์ ร่วมศึกษาวิจัยเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ซึ่งทาง ดร.ปริญญาได้กล่าวถึงข้อวินิจฉัยทางกฎหมายเกี่ยวกับปัญหาโฉนดที่ดินตกน้ำในหลายพื้นที่
“ทั้งในกรณีเจ้าของที่ดินยังคงรักษาสิทธิในการครอบครอง หรือปล่อยทิ้งพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งหากจะแก้ไขปัญหาคงต้องเจรจาร่วมกันทุกฝ่ายและสร้างมาตรฐาน รวมทั้งกลไกในการจัดการปัญหาอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ทช.และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะใช้พื้นที่ชุมชนคลองเสาธงเป็นพื้นที่ต้นแบบในการพัฒนาหาแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยจะขยายผลไปในพื้นที่อื่นต่อไป คาดว่าจะสามารถหาแนวทางยุติปัญหาได้ในทุกมิติตามนโยบายท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” นายโสภณกล่าวในที่สุด