ปวดหัวสมชื่อ! กราฟิตีสายม็อบสามนิ้ว “Headache Stencil” ออกโรงโต้กระแสข่าวเป็นหนอนแจ้งจับ “แอมมี่ เดอะบอตทอมบูลส์” เผยไม่ไว้ใจคนๆ หนึ่ง ที่มีบทบาทในม็อบ สั่งให้ทีมงานเอาตัวมาให้ได้ กลัวจะเสียขบวน ตั้งคำถามเงินบริจาคนับล้านเอาไปใช้ยังไง แถมแฉซ้ำนักต้มตุ๋นสั่งการยกระดับโง่ๆ ปล่อยข่าวว่าไปขอโทษแกนนำดัง ด้านอีกฝ่ายสาวเอ็นจีโอโต้เจ้าตัวแต่งเรื่อง แฉกลับมีปัญหาเรื่องเงิน “ทราย” ยันไม่เคยใช้เงินทำม็อบเปลืองเปล่า
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. เฟซบุ๊ก Headache Stencil ของ นายสมรนนท์ แย้มอุทัย หรือ แป้ง ศิลปินกราฟิตี ผู้สนับสนุนแนวร่วมกลุ่มขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยพ่นนาฬิกาบิ๊กป้อมจนโด่งดัง และเป็นบุตรชาย นายมานพ แย้มอุทัย อดีตอาจารย์คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความระบุว่า “ผมต้องขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ชี้แจงนะครับ เนื่องจากตลอด 3-4 วันที่ผ่านมา มีกระแสข่าวปล่อยว่าผมเป็นคนให้เบาะแสกับตำรวจ เพื่อจับตัว “แอมมี่” (นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ บอตทอมบูลส์ นักร้อง และผู้ต้องหาคดีเผาพระบรมฉายาลักษณ์) เพื่อนของผมเอง ซึ่งสำหรับถือเป็นการปล่อยข่าวดิสเครดิตกลบ “ความลับสำคัญ” ที่แอมมี่บังเอิญสงสัยแล้วส่งต่อความลับนี้สู้คนนอกวงอย่างผมและพี่ต้อมที่เป็นเพียงเพื่อนร่วมเมามายประสาขี้เมา
ความลับสำคัญที่ว่าคือ “เหตุผล” ที่ทำให้แอมมี่โทร.หาผมรัวๆ กลางดึก แต่ผมไม่ได้รับสายตอนแรก เพราะคิดว่ามันจะชวนไปเมามายยามดึกอีก แต่หลังจากที่ผมไม่ได้รับสาย เมสเสจตามภาพด้านล่างก็โผล่มาทันที
ผมจึงโทร.กลับไป แอมมี่ได้เล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง รวมถึงเรื่อง “การไม่ไว้ใจคนๆ หนึ่ง” ซึ่งมามีบทบาทมากขึ้นในการออกคำสั่งในช่วงหลัง ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้สนใจว่าคนๆ นี้คือใคร เพราะสนแต่เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นกับมันมากกว่า
น่าสนใจที่คนๆ นี้เป็นใคร ถึงออกคำสั่งกับทีมงานให้ “ต้องเอาตัวมัน (แอมมี่) มาให้ได้ หลังจากแอมมี่หายไปจากโรงพยาบาล ซึ่งประโยคนี้เอง ที่ทำให้ผมรับไม่ได้ เพราะในวินาทีนั้น เพื่อนของผมไม่ได้อยู่ในสภาพจิตใจที่พร้อมจะสู้กับสิ่งใด เสียงที่แฝงไปด้วยความสับสนจากการไม่แน่ใจว่าจะถูกคนกันเองหักหลัง สิ่งที่ควรจะทำคือ “ช่วย” ตามความประสงค์ของมัน ไม่ใช่หาทาง ”ล็อกตัว” ผู้ร่วมอุดมการณ์เพื่อส่งให้ตำรวจเพื่อเพียงแค่ “กลัวจะเสียขบวน” จากสิ่งที่เกิดขึ้น
หลังจากแอมมี่ถูกตำรวจควบคุมตัวเรียบร้อยแล้ว พี่ต้อมได้เอาภาพหลักฐานภาพหนึ่งที่แอมมี่ได้ให้ทิ้งไว้ลองหาข้อมูลเพิ่ม ก็ได้พบกับสิ่งที่น่าตกใจ คนที่สั่งเด็กให้ไปเอาตัวแอมมี่มาให้ได้ ดันเป็นคนที่มีคดีต้มตุ๋นระดับชาติ แถมคดีนั้นเจ้าของคดีก็เป็นคนนามสกุลเดียวกับ ... ที่พวกเราคุ้นหูกันดีอีกด้วย ช่างบังเอิญจริงๆ และหลังจากที่เช็กข้อมูลเพิ่มขึ้น ก็ได้พบกับความอำมหิตกว่าเดิมว่า คนๆ นี้ได้ออกคำสั่งให้เด็กไปกระทำการก่อความรุนแรง จนเด็กที่ไปทำการถูกติดคุกไปแต่ตัวเองยังลอยนวลสบายใจเฉิบ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมยังเลือดเย็นสั่งคนให้เอาตัวเพื่อนกูมาให้ได้อีก
หลังจากที่ผมได้อดทนให้ใจเย็นลง และยังมีความเกรงใจต่อไผ่ (นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าราษฎรอีสาน) และอีกหลายๆ คน ที่แอมมี่มันรักและห่วง ผมไม่อยากให้ขบวนการนี้เสียหายจากความโง่ของคนไม่กี่คนที่ไม่รู้โดนอะไรบังตา ถึงเอาคนแบบนี้มาอยู่ข้างตัว ข้างเงินบริจาคประชาชน ผมจึงพยายามใช้ทวิตเตอร์ในการสื่อสารอ้อมๆ เพื่อให้ทางเจ้าตัวรู้ตัว และหาทางจบเรื่องนี้กันให้ได้ ก่อนที่มันจะพังกันไปหมด เพราะผมคนนึงล่ะที่อยากรู้แล้วว่าตกลงเงินบริจาคของประชาชนไม่รู้กี่ล้าน ได้ถูกนำไปใช้อย่างไร พูดตรงๆ นะครับ ไม่เคยสงสัยหรอก และก็ไม่สนใจด้วย ว่าแกนนำจะเอาเงินไปใช้ขับเคลื่อนยังไง แต่พอมีคนที่เป็นนักต้มตุ๋นระดับชาติที่มีคดีพัวพันกับคนสำคัญแบบนี้มาอยู่ข้างๆ เงินแบบใกล้ชิดมาก ผมก็ไม่สามารถวางใจได้ครับ นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่เมื่อใครถามหาการแจกแจงบัญชีเงินบริจาคถึงถูกทัวร์ลง
เมื่อวานนี้ ผมได้รับการติดต่อจากผู้ใหญ่คนสนิท ประสานให้คุยกับแกนนำคนหนึ่งซึ่งเป็นตัวคนเอาไอ้นักต้มตุ๋นนี่มาอยู่ข้างตัว โดยผู้ใหญ่ที่ประสานแจ้งกับผมว่า “มึงคุยกับมันเถอะ เชื่อกู มันยอมมึงหมดแล้ว” ผมจึงยอมโทร.คุยกับทางแกนนำคนนี้
โดยทางแกนนำได้เอ่ยปากขอโทษผมในเรื่องที่มีการสั่งจับตัวแอมมี่ ที่ตอนแรกคิดถึงแต่เรื่อง “กลัวจะเสียขบวน” จนลืมคิดถึงความเป็นพี่น้อง และไม่ได้คิดว่าแอมมี่ทำไปเพราะอะไร ถึงกับใช้คำว่า “พอรู้ว่าป๊าทำไปเพราะอะไร พี่ก็จุก...” ผมบอกเลยครับ ว่าคำนี้บวกกับเสียงสั่นของคนที่ผมคุยอยู่ ทำให้ผมใจอ่อนและยอมช่างแม่งในเรื่องเพื่อนผมไปได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ผมยืนยันคือเรื่องของไอ้นักต้มตุ๋น ที่ต้องรับผิดชอบต่อกรณีสั่งการให้เด็กสามคนไปยกระดับโง่ๆ จนติดคุกเพราะคำสั่งชุ่ยๆ ของไอ้นักต้มตุ๋นคนนี้ โดยทางแกนนำที่คุยกับผมก็บอกว่าจะให้คนๆ นี้ ออกไปจากขบวน ซึ่งผมย้ำแล้วว่าต้องให้มันรับผิดชอบต่อกรณีนั้นด้วย ซึ่งก็ได้รับการรับปาก
เหตุการณ์ดูเหมือนจะจบลงด้วยดี จนกระทั่งค่ำของเมื่อคืน ผมได้รับทราบจากศิลปินดังคนนึงว่า เรื่องที่คุยกันตอนเช้า กลับกลายเป็นผม ที่ไปขอโทษแกนนำคนนั้นซะงั้น (วงการบันเทิงอ่ะเนอะ) ผมบอกตรงๆ นะครับ ว่ารับไม่ได้กับการตอแหลขนาดนี้ และจากการคุยวันนี้ ก็ดูเหมือนเขาจะเตรียมข้อแก้ตัวพร้อมแล้วล่ะ
ผมคงทำได้แค่อธิบายในส่วนของผมแค่นี้ สิ่งที่ทุเรศที่สุดคือการยัดว่าผมเป็นคนให้เบาะแสกับตำรวจ ทั้งๆ ที่ตัวเองนั่นแหละ ที่จะเอาเพื่อนกูยัดคุกเพื่อให้ขบวนการรอดไปหาเงินใช้ต่อ ผมเสียความรู้สึกมากเกินกว่าจะรับได้จริงๆ ครับ”
พร้อมกันนี้ ยังได้โพสต์ภาพ SMS จากผู้ใช้นามว่า “Ammy BB” ส่งมาเมื่อวันอังคาร (2 มี.ค.) เวลา 00.17 น. ระบุว่า “พี่แป้ง ต้องการความช่วยเหลือด่วน” ในคอมเมนต์เจ้าตัวยังใบ้อักษรย่อของบุคคลที่พาดพิงถึง และยังนำข้อความสนทนาจากแกนนำรายหนึ่งอีกด้วย
นอกจากนี้ เจ้าตัวยังโพสต์ข้อความอีกหลายข้อความตามมา อาทิ “จะตอแหลอะไรก็เกรงใจผู้ใหญ่ที่มึงให้ประสานมาเจรจากับกูบ้าง เค้าไม่ช่วยมึงโกหกหรอกนะ” “กฎข้อที่ 1. ห้ามถามเรื่องเงินบริจาค กฏข้อที่ 2. ถ้ายังดื้อถาม จะส่งทัวร์ไปลง” “ขอโทษนะครับ ใครมาหาว่าทะเลาะเรื่องเงินนี่ไม่ใช่นะฮะ ผมไม่เคยแตะเงินบริจาคสักบาทครับ ทุกครั้งที่แอมมี่มาให้ช่วยทำอะไร จะกี่พันกี่หมื่นผมก็ไม่เคยได้นะครับ ทำให้ฟรีครับเงินทุกบาทที่เอามาซื้อสีพ่นมาจากการขายเสื้อขายงานของผมเองนะครับ อย่าเอาความภาคภูมิใจของผมไปปนกับการแ...กเงินกองกลางครับ อนาถฮะ”
รวมทั้งข้อความที่ระบุว่า “คำว่ากัดกันเอง มีไว้ใช้ในกรณีที่ทะเลาะกันนะครับ อันนี้ผมขอเรียกว่า “เอาข้อมูลมาให้พิจารณาความสมควร” ผมไม่ใช่คนดีครับ เคยเ...ยติดเงินชาวบ้านชาวช่องเพราะการพนันมาไม่ใช่น้อย ผมมักจะถูกเพื่อนๆ ด่าเรื่องเครดิตการเงินอยู่เสมอ ผมถึงแปลกใจว่าทำไมถึงให้คนที่โดนคดีต้มตุ๋นแบบนี้มาอยู่ข้างๆ กองเงินได้ง่ายดายนัก แล้วทำไมคนๆ นี้ ถึงมีอำนาจสั่งงานเด็กๆ ได้ล่ะ? ผมว่าก็แค่ทำให้เรื่องนี้มันโปร่งใสเองครับ ไม่น่าใช้วิธีเปลี่ยนเรื่องที่คุยกันขนาดนั้นเลยครับ จากดำไปเป็นขาวมันเกินไปครับ อย่าให้ผมต้องเมนชั่นผู้ใหญ่ที่คุณให้มาเจรจากับผมเลยนะครับ คุณจะไม่เหลือที่ยืนเปล่าๆ”
อีกด้านหนึ่ง ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Pimsiri Mook Petchnamrob” ของ น.ส.พิมพ์สิริ เพชรน้ำรอบ ที่ระบุว่าเป็นนักสิทธิมนุษยชน ที่ทำงานให้กับองค์กรเอกชนระหว่างประเทศ แชร์ข้อความของนายแป้ง พร้อมข้อความระบุว่า “ตามสไตล์นักแต่งเรื่องนัมเบอร์วัน คราวก่อนก็เรื่อง ต้า วันเฉลิม (สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่หายตัวไปในประเทศกัมพูชา) งงอย่างเดียวที่ยังมีคนเชื่อนี่แหละ ขบวนการประชาธิปไตยไอคิวต่ำกว่าไอโอ ชาติหน้าคงชนะแหละมั้ง” ต่อมายังได้แชร์ข้อความที่นายแป้งระบุว่า ไม่ได้ทะเลาะเรื่องเงิน ระบุว่า “ยิ่งโพสต์เหมือนยิ่งถีบแอมมี่เข้าคุก เพื่อนอิหยังวะ ฉลาดจัดระดับไอโอยังอาย”
อีกทั้งยังโพสต์ข้อความระบุว่า “ทวงความโปร่งใสเก่งยิ่งกว่าศรีสุวรรณ จรรยา ปรากฏว่า ตัวเองประวัติยืมเงินแล้วไม่คืนยาวถึงดาวอังคาร ใครอยากได้คืนต้องไปทวงจากพ่อ เคยขโมยแล็ปท็อปออฟฟิศไปขายก็มี ยืมกล้องเพื่อนร่วมงานแล้วหายไปเลย พอเจ้าของทวงแทนที่จะได้ของ ได้ตั๋วจำนำให้เจ้าของไปไถ่เอาเอง จีบสาวไม่ติดก็แอบเข้ามาเขียนห้องน้ำคณะใส่ความเค้าว่าได้กันแล้ว แต่งเรื่องจนเป็นนิสัย ขบวนการประชาธิปไตยแ...งจะฟังคนแบบนี้จริงเหรอวะ ถ้าฟังก็คือโง่ยิ่งกว่าฟังไอโอที่มาเสี้ยมอีก บอกเลย”
ขณะที่เฟซบุ๊ก “Inthira Charoenpura” ของ น.ส.อินทิรา เจริญปุระ หรือ ทราย โพสต์ข้อความระบุว่า “ทุกวันนี้เวลาทำงาน (ใช่ ยังทำงานอยู่, ยังมีงานอยู่ กำลังจะเปิดกล้องอีกเรื่อง) จะพูดเสมอว่าเอาตังค์ไปทำม็อบ ซึ่งที่พูดนั่นก็ไม่ได้พูดเล่น แต่หมายความตามนั้นจริงๆ
ก็ไล่กันมาเรื่อยตั้งแต่แฟลชม็อบ ม็อบมีเวที ไม่มีเวที มีเครื่องเสียง โดนสลาย หน้ากาก เสื้อกันฝน โดนหมาย รับหมาย เป็ดยาง จะนะ แรงงาน บางกลอย โคราช ขอนแก่น พม่า เชียงใหม่ ป้าย ธง สี เหมืองแร่ ทำแคมป์ ส่งข้าว ส่งน้ำ ห้องน้ำ ดูคนเจ็บ คนไม่เจ็บ ทำงานเดิน ฯลฯ ดูแลจัดการสุดมือสุดกำลัง
ทุกๆ การสมทบเราไม่เคยใช้เปลืองเปล่า ทุกปลายทางที่ของไปลงคือเห็นได้ชัดเจน ตัวเราก็ไปทำงาน ทำของเราไป ทำตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก เพราะเรารู้ว่าเรารับเอาความตั้งใจของทุกคนที่เขาฝากมาเอาไว้ที่เรา
ก็นั่นแหละ
บัญชีหมิมเราดูแลคนเดียว คนเดียวจริงๆ วิธีกระจายงานก็เรื่องนึง แต่ไม่ใช่การกระจายบัญชีแน่ๆ เรารักน้องทุกคนเท่ากัน พวกเขาเหนื่อยและหนักพอแล้ว เราหวังว่าสิ่งที่เราทำจะช่วยผ่อนอะไรได้บ้าง
รู้ว่าทั้งหมดนี้อาจจะไม่มีความหมายอะไรกับใครเลย และเอาเข้าจริงก็ไม่รู้จะพูดอะไร เราคิดของเราง่ายๆ แค่ว่าเราทำ เราทำอะไรได้จงทำ ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อน้องและผู้กล้าทุกคนที่เดินร่วมทาง”