พบโลกทวิตเตอร์มีการโพสต์ข้อความในลักษณะยุยงปลุกปั่นให้เกิดการกระทำผิด เผยตัวผู้ปลุกปั่นเองอาจจะมีความผิดตามกฎหมาย มาตรา 84 หากมีใครบ้าจี้ก่อเหตุจริง ยกตัวอย่างคดีเผาศาลากลางจังหวัดหลายแห่ง
จากกรณีตำรวจสืบสวนนครบาลนำกำลังจับกุมนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ ผู้ต้องหาในคดีเผาทำลายทรัพย์สินของทางราชการ หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ได้ที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งในตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ต่อมาเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความลงในเพจ “The Bottom Blues” ระบุข้อความว่า
“การกระทำการเผาพระบรมฉายาลักษณ์ในครั้งนี้ เป็นฝีมือของผมและผมขอรับผิดชอบไว้ แต่เพียงผู้เดียว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเคลื่อนไหว หรือการเรียกร้องใดๆ เหตุผลของผมนั้นเข้าใจง่ายมาก เล่าไปถึงตอนผมโดนจับไปวันที่ 13 ตุลาปีที่แล้ว เพนกวินคือคนแรกที่โทร.หาผมบนรถห้องขัง และประกาศรวมพลมวลชนทันที แต่กลับกันในครั้งนี้ กวิ้น และพี่น้องของผมต้องติดอยู่ในคุกนานกว่า 20 วันแล้ว แต่ผมไม่สามารถที่จะช่วยเหลือพวกเค้าได้เลย ผมรู้สึกละอายและผิดหวังในตัวเอง การเผาพระบรมฉายาลักษณ์ในครั้งนี้ ผมยอมรับว่า เป็นความคิดที่โง่เขลา และทำให้ตนเองต้องตกอยู่ในอันตราย แต่ความหมายที่ซ่อนอยู่ในการเผาครั้งนี้ มีอยู่มากมาย เป็นสัญลักษณ์ง่ายๆ ที่หวังว่าทุกคนเข้าใจและจะมองเห็นมัน หวังว่า จะได้พบกันใหม่ ขอให้ทุกคนสู้ต่อไป III แอมมี่ THE BOTTOM BLUES”
อย่างไรก็ตาม มีแฟนคลับจำนวนมากไม่เห็นด้วยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมนักร้องหนุ่มรายนี้ เพียงเพราะแค่เผาทำลายทรัพย์สินของทางราชการ โดยปรากฏข้อความในทวิตเตอร์ในทำนอนยุยงปลุกปั่นว่า
“สรุปพรุ่งนี้ พระบรมฉายาลักษณ์ 112 จุดทั่วกรุงเทพฯ โดนเผาโดยไม่ได้นัดหมาย มึงทำตัวเองนะคะคุณตำหนวด”
ขณะที่เพจ “ทนายตัวแสบ : Badass Attorney” ได้ออกมาโพสต์ข้อความเตือนในพฤติกรรมเช่นนี้ว่า
“อันนี้ไม่เห็นด้วยเน้อ เจ้าของแอคเป็นใครผมไม่รู้ แต่ถ้ามีใครบ้าจี้ก่อเหตุจริง คนลงมือก็ลำบาก เขาเองก็อาจมีความผิดไปด้วยฐานเป็นผู้ยุยงส่งเสริม คดีเผาศาลากลางจังหวัดหลายๆ ที่ ก็เป็นตัวอย่างที่ดี อย่าหาทำตามอารมณ์โดยไม่ตรองเหตุผลนะครับ
มาตรา 84 ผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ ขู่เข็ญ จ้าง วานหรือยุยงส่งเสริม หรือด้วยวิธีอื่นใด ผู้นั้นเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด ถ้าความผิดมิได้กระทำลงไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่ได้กระทำ หรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น
ถ้าผู้ถูกใช้ได้กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ และถ้าผู้ถูกใช้เป็นบุคคลอายุไม่เกินสิบแปดปี ผู้พิการ ผู้ทุพพลภาพ ลูกจ้างหรือผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้ใช้ ผู้ที่มีฐานะยากจน หรือผู้ต้องพึ่งพาผู้ใช้เพราะเหตุป่วยเจ็บหรือไม่ว่าทางใด ให้เพิ่มโทษที่จะลงแก่ผู้ใช้กึ่งหนึ่งของโทษที่ศาลกำหนดสำหรับผู้นั้น”
