ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนคลองต้นไทร (สุขล้อมอุทิศ) เตรียมจัดงานพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา และวันเด็ก 2564 ย้อนหลังจากที่ต้องหยุดเรียน เพราะผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ พร้อมนำประสบการณ์ชีวิตไปถ่ายทอดให้แนวคิดเด็กๆ ตามแนวทางเจ้าของรางวัล ASEAN AWARD 2020
วันนี้ (22 ก.พ.) นายอิศรากรณ์ สุวรรณทิพย์ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนคลองต้นไทร (สุขล้อมอุทิศ) เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 ก.พ.นี้ ทางโรงเรียน โดยคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และ นางสาวสายสุนีย์ มณีเติม ผู้อำนวยการสถานศึกษา จะจัดให้มีพิธีเวียนเทียนวันมาฆบูชา และงานวันเด็ก 2564 ย้อนหลัง เนื่องจากในวันเสาร์ที่ 2 ของเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันเด็กของทุกปี เด็กๆ ต่างต้องหยุดเรียนกักตัวอยู่ที่บ้าน เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่อุบัติขึ้นในพื้นที่จังหวัดรอยต่อกรุงเทพมหานคร โดยการจัดงานครั้งนี้ ยังเน้นเรื่องการรักษาระยะห่าง การรักษาความสะอาด ตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัดมีการเตรียมหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือแอลกอฮอล์ มอบให้ให้แก่บุคลากรสถานศึกษาและเด็กๆ ทุกคนที่ร่วมพิธี นอกจากนี้ยังคงไว้ซื่งไฮไลท์สำคัญของงานวันเด็กคือมีเกมส์การละเล่น มีการตอบคำถามชิงรางวัล มีจักรยาน และของรางวัลอื่นๆ มาให้จับสลากเพื่อมอบความบันเทิงและคลายเครียดให้เด็กๆ ทุกคนเช่นเดิม
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจาก นายอิศรากรณ์ จะดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานฯ แล้วในปีที่ผ่านมายังได้รับรางวัล ASEAN AWARD 2020 สาขาการศึกษา จากสภาเครือข่ายอาเซียน-ประเทศไทย โดยมี นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรีในรัชกาลที่ ๙ เป็นผู้มอบรางวัลให้ด้วย สำหรับเรื่องนี้ นายอิศรากรณ์ ยังเตรียมแง่คิดดีๆ ในฐานะนักธุรกิจหนุ่ม ที่ประสบความสำเร็จ ในฐานะผู้บริหาร บริษัท เอเชียวาณิช จำกัด ไปถ่ายทอดประสบการณ์ให้เด็กๆ ฟังด้วย
นายอิศรากรณ์ กล่าวว่า ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกทางที่จะเดินได้ คำกล่าวนี้ยังใช้ได้อยู่เสมอ พ่อแม่ผมมีลูกรวมกัน 9 คน ซึ่งผมเป็นคนที่ 7 ครอบครัวเราประกอบอาชีพทำสวนทำไร่ พี่ๆ แต่ละคนของผมจึงเรียนหนังสือจบแค่ชั้น ป.6 จากนั้นก็ทำงานไม่ได้ศึกษาต่อ บ้างก็ทำสวน บ้างก็ทำไร่ พี่ชายคนโตตอนนั้นลงเรือไปประกอบอาชีพประมง และผมมีน้องสาวอีก 2 คน เมื่อผมจบชั้น ป.6 ก็อยากศึกษาต่อ แต่ด้วยฐานะครอบครัวไม่ดี ผมจึงต้องตัดสินใจศึกษาต่อทางธรรม โดยบรรพชาเป็นสามเณร มีพ่อท่านเลื่อน หลวงตาวัดวังรีบุญเลิศ จ.นครศรีธรรมราช คอยอบรมสั่งสอน
พ่อท่านเลื่อน ท่านเป็นพระนักพัฒนา เป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดวังรีบุญเลิศ ให้ชาวบ้านใกล้ไกล ได้ปฏิบัติธรรม และเป็นศูนย์รวมจิตใจ ให้ชาวบ้านมีความรักความสามัคคี มีจิตใจสาธารณะ บวชเณรได้สักระยะหลวงตาท่านเห็นว่า ผมควรที่จะได้รับการศึกษาที่ดี ทั้งทางธรรมและทางโลก จึงนำไปฝากกับพระมหาอำนวย เจ้าอาวาสวัดบ้านส้อง จ.สุราษฎร์ธานี จนเรียนจบ นักธรรมศึกษาชั้นเอก และ ชั้นมัธยมตอนต้น ก็ลาสิกขา เข้าสู่เมืองหลวง มาเป็นเด็กวัด อาศัยวัดใหม่ย้ายแป้น เขตบางกอกน้อย เป็นที่พักพิง เพื่อหาทางศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ควบคู่กับรับจ้างทำงานร้านอาหารในช่วงค่ำแบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้พ่อกับแม่
จนตัวเองจบการศึกษาระดับปริญญาตรี โชคดีมีผู้ใหญ่หลายท่าน เมตตาอุปถัมภ์ ได้ทำงานเกี่ยวกับบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์อย่างที่ตั้งใจ เริ่มต้นจากการเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่พิสูจน์อักษร และพนักงานขาย และเป็นผู้จัดการโครงการพิเศษด้านการตลาดตามลำดับ ประสบการณ์ 10 ปี ในการทำงานสื่อสิ่งพิมพ์ ผสานกับความมั่นใจว่า ทรัพยากรมนุษย์ คือสิ่งสำคัญ ทรัพยากร คือ คน คนจะมีคุณภาพได้นั้น ต้องได้รับการศึกษา เพราะการศึกษาคือรากฐานของการพัฒนาทุกๆ สิ่ง
ผมจึงลาออกจากการเป็นพนักงาน มาเปิด บริษัท ผลิตสื่อและจัดจำหน่าย สื่อเสริมประสบการณ์เด็กปฐมวัย เป็นของตัวเอง ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะเห็นเด็กๆ มีคุณภาพ เป็นคนดี มีความสุข เติบโตเต็มวัย เป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์ สื่อการเรียนรู้ ทุกๆ เล่ม ของบริษัท ได้อาจารย์ผู้เขียน ที่มีประสบการณ์ตรงกับเด็กๆ จึงตอบโจทย์ความต้องการสถานศึกษาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี และการันตีได้ว่า จะช่วยเสริมประสบการณ์ของเด็กให้สามารถใช้ทักษะชีวิต ในท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกปัจจุบันได้จริง
เมื่อถามว่า มีอะไรเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจจิต นายอิศรากรณ์ ตอบว่า ในฐานะเด็กวัดคนหนึ่ง ซึ่งผ่านการเรียนทั้งทางธรรมและทางโลกมาตามสมควร ผมว่า คนต้องคิดก่อนทำ อย่าลงมือทำแล้วกลับมาคิด ชีวิตที่ผ่านมาคือ ครู ชีวิตที่เหลืออยู่คือโอกาส โดยเฉพาะการให้โอกาสทางการศึกษา เพราะพื้นฐานทางฐานะครอบครัวทุกคนนั้นแตกต่างกัน จึงขอเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะหยิบยื่นโอกาสให้เด็กๆ ที่ไม่มีโอกาส ได้เข้าถึงสื่อเรียนรู้ที่ทันสมัย เราพร้อมจะเติมเต็ม เพราะเด็กๆ ทุกคน คือ ทรัพยากรที่สำคัญ ในการพัฒนาประเทศ สู่ความเจริญรุ่งเรือง อย่างยั่งยืน และในโอกาสนี้ผมขอแสดงความยินดีกับผู้เข้ารับรางวัล ASEAN AWARD 2020 ใน สาขาต่างๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งผมได้ถือเอาผลงานของทุกๆ ท่านเป็นพลัง กำลังใจ ในการสร้างผลงานดีๆ เพื่อสังคมต่อไป