กองทัพเรือตั้งเพจ “เรือดำน้ำไทย” เผยแพร่ข่าวสารสาระความรู้เกี่ยวกับเรือดำน้ำ ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ พบความจริงวันนี้ ไทยยังไม่มีเรือดำน้ำ กำลังผ่อนลำแรกจากจีน ส่วนลำที่สองและสามกำลังจะถูกซักฟอก
วันนี้ (13 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า กองทัพเรือได้ดำเนินการจัดตั้งเฟซบุ๊กเพจที่มีชื่อว่า “เรือดำน้ำไทย Thai Submarines” (https://www.facebook.com/เรือดำน้ำไทย-Thai-Submarines-339671180753640/) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้เรื่องเรือดำน้ำแก่สาธารณชนผู้สนใจ โดยการจัดตั้งสื่อกลางในรูปแบบโซเชียลมีเดีย เนื่องจากกองทัพเรือไม่เคยจัดตั้งสื่อกลางในโซเชียลมีเดีย เพื่อการค้นคว้าหาความรู้เรื่องเรือดำน้ำขึ้นมาโดยเฉพาะมาก่อน กองทัพเรือจึงได้เข้าใจดีว่าว่า ความรู้ ข้อมูล ข่าวสาร เกี่ยวกับเรือดำน้ำนั้น มีองค์ประกอบหลายด้านที่มากกว่าการเป็น “ยุทโธปกรณ์” และมีเนื้อหาสาระ ความรู้ ที่สาธารณชนผู้สนใจทั่วไปสามารถรับรู้ร่วมกันได้ ประกอบกับหนึ่งในบทบาทสำคัญของกองทัพเรือ คือเป็นหน่วยงานที่มีส่วนในการสร้างสรรค์สังคมแห่งการเรียนรู้
หัวข้อที่จะนำเสนอในเฟซบุ๊กเพจดังกล่าว ได้แก่ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเรือดำน้ำ, ประวัติศาสตร์เรือดำน้ำ ทั้งของสากลและของไทย, สารคดีเกี่ยวกับเรือดำน้ำ, ข่าวสารทั่วไปเกี่ยวกับเรือดำน้ำทั้งในและต่างประเทศ, บทความทั่วไป บทวิเคราะห์ บทความทางวิชาการ, ข้อถามตอบ/แลกเปลี่ยนความคิดเห็น, นำเสนอกิจกรรมที่เกิดขึ้น, ลิงก์ต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรือดำน้ำ และการแถลงข่าวของกองทัพเรือ
สำหรับแนวทางการดำเนินงาน กองทัพเรือจัดตั้งทีมงานขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อเป็นผู้รวบรวมประสานงาน นำเสนอข้อมูลเสนอในเฟซบุ๊กดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง พร้อมมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภายในภายนอกกองทัพเรือร่วมสนับสนุนข้อมูล ทั้งยังเปิดกว้างยังสาธารณในการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการเรียนรู้ร่วมกัน
“กองทัพเรือมีความตั้งใจและปรารถนาดีที่จะได้นำเสนอข้อมูลต่างๆ ดังที่กล่าวข้างต้นเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน ด้วยความตระหนักถึงพี่น้องประชาชน และด้วยกองทัพเรือ คือหนึ่งในเครื่องมือความมั่นคงของชาติ ที่เราจะได้เรียนรู้ถึงบทบาทของกองทัพเรือร่วมกัน”
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า การจัดตั้งเฟซบุ๊กเพจ “เรือดำน้ำไทย” ของกองทัพเรือดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 ก.พ. หนึ่งในนั้นคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอขา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ รมว.กลาโหม ซึ่งพบว่า นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม เขต 3 พรรคเพื่อไทย เตรียมที่จะอภิปรายในประเด็นการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ในปีงบประมาณ 2565 หนึ่งในนั้นคือการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 จากประเทศจีน งบประมาณ 22,500 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำ งบประมาณ 950 ล้านบาท ของกองทัพเรือ ทั้งที่รัฐบาลได้เห็นชอบวงเงินงบประมาณขาดดุลจากปีงบประมาณ 2564 ประมาณ 1.85 แสนล้านบาท เนื่องจากข้อจำกัดในการจัดเก็บภาษีที่จะลดลงในปีงบประมาณ 2565 เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
สำหรับเรือดำน้ำลำที่ 1 จัดซื้อไปแล้วเมื่อปีงบประมาณ 2560 เป็นเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้า รุ่น YUAN CLASS S26T จากประเทศจีน งบประมาณ 13,500 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างการผ่อนชำระโดยใช้งบประมาณปี 2560-2566 โดยคาดว่าจะได้รับเรือดำน้ำลำแรกเข้าประจำการในปี 2566 อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทยเคยมีเรือดำน้ำมาก่อน 4 ลำ จากประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2481 ที่ผ่านมาเคยใช้ในช่วงเวลาพิพาทระหว่างอินโดจีนกับฝรั่งเศส ในยุทธนาวีเกาะช้าง ปี 2484 ใช้เรือดำน้ำข่มขวัญฝรั่งเศสจนต้องล่าถอยไปยังกรุงไซ่ง่อน (ปัจจุบันคือเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม) แต่ผ่านไป 13 ปี กองทัพเรือได้ปลดประจำการเรือดำน้ำทั้ง 4 ลำ เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2494 เพราะญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง และขาดแคลนอะไหล่ซ่อมบำรุง ทำให้นับตั้งแต่ปี 2494 เป็นต้นมา ประเทศไทยไม่มีเรือดำน้ำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเลอีกเลย เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน แม้แต่ประเทศเมียนมาก็มีเรือดำน้ำ