หนุ่มนักอนุรักษ์ เผยที่มาที่ไปของ “Oasis Sea World” ก่อนจะมาเป็นสวนน้ำในจังหวัดจันทบุรี เคยเป็นสถานพยาบาลดูแลโลมาติดอวน และใกล้ตายมาก่อน วอนเห็นใจ ก้าวข้ามดรามา เอาสัตว์น้ำมาขัง
จากกรณี นักท่องเที่ยวเผยบรรยากาศ “โอเอซิส ซีเวิลด์” ในจังหวัดจันทบุรี สุดเงียบเหงา เนื่องจากโดนผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้ไม่มีลูกค้าเข้าเยี่ยมชม แต่ทาง โอเอซิส ซีเวิลด์ ยังโชว์โลมา แม้มีลูกค้าแค่ 2 คน
ต่อมา เกิดประเด็นดรามาขึ้นเมื่อมีชาวเน็ตจำนวนหนึ่งไม่สนับสนุนการนำสัตว์มาฝึกฝนเพื่อจัดแสดงโชว์ บางคนมองว่าเป็นการทรมานสัตว์ จับสัตว์น้ำมาขังในที่แคบ แทนที่จะได้อยู่ในทะเล หากมีการเพาะพันธุ์สัตว์แล้ว ก็ควรปล่อยสัตว์กลับคืนสู่ธรรมชาติต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Supanut Benjadumrongkit” ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่า ได้ออกมาโพสต์ข้อความเผยถึงความเป็นมาเป็นไปของ “โอเอซิส ซีเวิลด์” โดยได้ระบุข้อความว่า
“เห็นดรามากันในเฟซมาสักพักละ ก็ถ้าให้ผมตอบตามตรงจริงๆ ก็อยากให้ไปเที่ยวกันครับ
ถึงตัวผมเองจะเป็นสายอนุรักษ์แบบ 50% แล้ว แต่เพราะว่าได้รู้เรื่องของลุงแดงแห่งโอเอซิส ซีเวิลด์ มาครับ เขาเคยตั้งที่นี่เป็นสถานพยาบาลดูแลโลมาติดอวน และใกล้ตายมาก่อน ในสมัยก่อนการช่วยเหลือสัตว์เหล่านี้ให้มีชีวิตรอดเป็นไปได้ยากมาก แต่ความพยายามของคนไทยในการคุมให้หายดี ต้องใช้ความอดทนในการดูแลจนหายดี ในปี พ.ศ. 2533 ลุงแดงก่อตั้งที่นี่เป็นบริษัท โอเอซิส ซีเวิลด์ จำกัด วัตถุประสงค์คือ เพื่อการรักษาดูแลโลมาและให้ลูกหลานคนไทยได้รู้จักและรักโลมาไทย ภาพนี้คือสถานที่เก่าแห่งหนึ่งที่เป็นเครือเดียวกับโอเอซิส ซีเวิลด์ นั่นก็คือ พัทยาดอลฟิ้นเวิลด์ ได้ปิดตัวชั่วคราวมาได้จะครบปีนึงแล้วเพราะผลกระทบโควิด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าที่แห่งนี้จะเปิดต่อหรือไม่ ก็ไม่ทราบครับ แต่โอเอซิส ซีเวิลด์ ที่จันทบุรี แหลมสิงห์ ยังคงเปิดทำการอยู่ ใครที่อยู่ใกล้ก็อย่าลืมไปแวะเยี่ยมได้ครับ ช่วยเหลือคนไทยกันให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้
อย่าเอาดรามาการจับขังสัตว์น้ำมาเป็นตัวตัดสินว่าควรอยู่หรือควรไป ควรตัดสินในความตั้งใจและอุดมการณ์แรกเริ่มของผู้เลี้ยงโลมาครับ เข้าใจว่า เรื่องการจับขังสัตว์น้ำ มันมีกระแสมาจาก The Cove สารคดีนองเลือดฆ่าล้างโลมา เป็นอุตสาหกรรมการล่าของญี่ปุ่น แล้วมีการขายลูกโลมาเหล่านั้นให้พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทั่วโลก บางสิ่ง.....แลกมาด้วยความเจ็บปวดเป็นแผลลึกจิตใจคน แต่มันจะกลายเป็นการสร้างอุดมความรู้และความเข้าใจให้กับคนรุ่นใหม่มากขึ้น
บิวคุงขอฝากไว้แค่นี้ครับ วิกฤตโควิดต้องผ่านไปด้วยกัน”