xs
xsm
sm
md
lg

ลับมาก! “ธนาธร” เหิมจาบจ้วงสถาบันหน้าบัลลังก์ศาล ไต่สวนกรณีไลฟ์สด “วัคซีนพระราชทาน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดเนื้อหาเอกสาร “ลับมาก” จากกระทรวงดีอีเอส ส่งถึงรัฐมนตรี แจงวันไต่สวนคำร้องจ่อให้เพิกถอนคำสั่งระงับไลฟ์สด “วัคซีนพระราชทาน” ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พบ “ธนาธร” จาบจ้วงสถาบันกลางบัลลังก์ จนศาลต้องออกมาเบรก เตือนว่าถ้าไม่หยุดถือว่าผิดมาตรา 112 แต่กลับยังดื้อขอพูดต่อ

วันนี้ (7 ก.พ.) แหล่งข่าวจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ระบุว่า สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทำบันทึกภายในรายงาน กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไลฟ์สด “วัคซีนพระราชทาน ใครได้-ใครเสีย” ระบุว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 20 ม.ค. กระทรวงดีอีเอส โดย นายทศพล เพ็งส้ม กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดีอีเอส ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) กรณีไลฟ์วิจารณ์วัคซีนพระราชทาน

ต่อมาวันที่ 29 ม.ค. กระทรวงดีอีเอส โดยพนักงานเจ้าหน่าที่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ได้ยื่นคําร้องขอให้ศาลมีคําสั่งให้ระงับการทําให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่มีเนื้อหาอันเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร จํานวน 3 Urls และศาลได้มีคําสั่งให้ระงับการทําให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าว ตามรายงานกระบวนการพิจารณาศาลอาญา คดีหมายเลขดําที่ พศ 76/2564 คดีหมายเลขแดงที่ พศ 76/2564 แต่เมื่อวันที่ 1 ก.พ. นายธนาธร ได้ยื่นคําร้องคัดค้านต่อศาล เพื่อขอให้ศาลพิจารณามีคําสั่งถอนคําสั่งระงับการเผยแพร่คลิปวิดีโอพิพาทโดยเร็ว และในวันที่ 4 ม.ค. ขอแก้ไขคําคัดค้านเพิ่มเติมจากเติมขอให้ศาลมีคําสั่งถอนคําสั่งระงับการเผยแพร่คลิปวีดีโอพิพาทโดยเร็ว และโปรดมีคําสั่งยกคําร้องของผู้เสียทั้งสิ้นพร้อมทั้งจําหน่ายคดีออกจากสารบบความ

ศาลอาญาได้มีหมายนัดให้กระทรวงดีอีเอส โดยพนักงานเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ร้อง โดยศาลขอนัดไต่สวน (คําร้องขอให้เพิกถอนคําสั่งให้ระงับ) ในวันที่ 4 ก.พ. เวลา 09.00 น. ซึ่งตัวแทนจากกระทรวงดีอีเอส พร้อมด้วย นายทศพล เพ็งส้ม และพยานอีกรายหนึ่ง ได้เข้าร่วมตามที่ศาลนัดไต่สวน สรุปสาระสำคัญคือ ศาลออกนั่งบัลลังก์ไต่สวนพร้อมสอบถามคู่ความทั้งสองฝ่ายว่าควรจะเป็นการพิจารณาลับหรือไม่ ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เข้าองค์ประกอบการพิจารณาลับ จึงอนุญาตให้พิจารณาเปิดเผย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาประกอบด้วยสื่อมวลชน นักศึกษา และเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ศาล เจ้าหน้าที่ รปภ.ศาลแจ้งว่าการไต่สวนในวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาที่มีการแจ้งความไว้แล้ว เป็นคนละส่วนกัน จากนั้นก่อนไต่สวนได้เปิดคลิปที่นายธนาธรเผยแพร่เมื่อวันที่ 18 ม.ค. เป็นเวลา 30 นาที ในห้องพิจารณาคดีตั้งแต่ต้นจนจบ เนื่องจากจะต้องพิจารณาเนื้อหาในคลิปดังกล่าว

ศาลได้ไต่สวนนายธนาธร ว่า เหตุใดจึงพูด มีวัตถุประสงค์อะไร ในคลิปดังกล่าว และมีความเกี่ยวข้องหรือกับเพจหรือการโพสต์ของทั้ง 3 Urls หรือไม่ ซึ่งนายธนาธรรับว่าเป็นผู้รับชอบในทั้ง 3 เพจหรือเว็บนั้น และได้ชี้แจงเหตุผลของตนเองว่ามีเจตนาดีต่อประเทศในการวิจารณ์การทํางานของรัฐบาล ต่อมาศาลถามว่า คําว่า “วัคซีนพระราชทาน” ที่เป็นหัวข้อในคลิป ทําไมต้องพูดมีความหมายอย่างไร นายธนาธร ชี้แจงว่า ตนไม่ได้เป็นคนพูด นายกรัฐมนตรี คุณประยุทธ์ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เป็นคนใช้คํานี้ก่อน หลังจากไม่มีการซักถาม นายธนาธร ขออนุญาตศาลพูดนอกประเด็นจากเนื้อหาในคลิป ซึ่งศาลได้อนุญาต นายธนาธร กล่าวว่า ในเวลานี้ “ต้องรับความจริงกันก่อนว่าความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันและประชาชนมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว” พยานคัดค้านว่าเป็นการพูดถึงสถาบันที่มิบังควร ศาลได้ปรามนายธนาธรว่าให้หยุดวิจารณ์ ถ้าไม่หยุดจะถือว่ามีความผิดตามที่ผู้ร้องต่อศาล (กระทรวงดีอี) และจะรับในความผิดนั้นหรือไม่ ซึ่งนายธนาธรแจ้งว่า ขอพูดต่อ และยอมรับถ้ามีความผิด ซึ่งศาลว่าถ้ามีการพูดที่เป็นความผิด นายธนาธรต้องรับผิดชอบ

ในส่วนของกระทรวงดีอีเอส ศาลถามว่าเหตุใดจึงยื่นคําร้องของปิดกั้น มีความผิด อย่างไร และมีอะไรจะถามผู้คัดค้านหรือไม่ ซึ่งผู้ยื่นคําร้องแจ้งว่า กระทรวงฯ โดยนายทศพล เพ็งส้ม ได้มีการแจ้งความดําเนินคดีกับนายธนาธร ในส่วนของคลิปดังกล่าว ตนจึงนําเนื้อหาที่เชื่อว่าเข้าข่ายการกระทําความผิด ขอความเห็นชอบต่อรัฐมนตรีในการยื่นปิดกั้นตามกระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งเห็นว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 14(3) ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในส่วนเนื้อหาที่เข้าข่ายคือนาทีที่ 15 และนาทีที่ 28 ซึ่งกล่าวถึงการถือหุ้นของบริษัท Siam bioscience โดยในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ และชี้นําประชาชนให้เกิดข้อสงสัยต่อในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ผลการกระทําดังกล่าวทําให้ประชาชนมีการกล่าวถึงอย่างมากในโลกออนไลน์

ต่อมา นายทศพล เพ็งส้ม พยานฝ่ายผู้ร้องอีกปาก ขึ้นให้การในข้อเท็จจริงและข้อกล่าวหาที่ได้ดําเนินคดีต่อนายธนาธร ไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากนายธนาธร มีการบิดเบือนว่า รัฐบาลสั่งซื้อวัคซีนจาก บริษัท แอสตราฯ แล้วไปว่าจ้างบริษัท สยามไบโอฯ ให้ผลิตวัคซีน ถ้าเกิดล่าช้า หรือไม่ได้คุณภาพก็จะเกิดปัญหากับผู้ถือหุ้น ซึ่งไม่ได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงตามกฎหมายว่า กรรมการผู้มีอํานาจของบริษัทจะต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น ศาลกําหนดนัดฟังคําตัดสินคดี ในวันที่ 4 ก.พ. เวลา 10.00 น.

หลังจากจบการไต่สวน ศาลได้เรียกเจ้าหน้าที่กระทรววงดีอีเอส มาทราบแนวทางการพิจารณาของศาลในช่วงหลังจากนี้ ศาลเห็นว่าต่อไปจะไม่ให้มีการพิจารณาความฝ่ายเดียวแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา มีประเด็นที่เกิดขึ้น เช่น กรณี Voice TV และอีกครั้งในประเด็นของวันนี้ ต่อไปกระทรวงฯ จะต้องแจ้งที่อยู่ของผู้กระทําความผิดให้ศาลทราบ และออกหมายเรียกให้มาไต่สวนก่อนที่ศาลจะมีคําสั่งให้ปิดกั้น และขอให้กระทรวงฯ ส่งคําร้องหลังวันที่ 15 ก.พ. เพราะว่าศาลอยู่ระหว่างปรับปรุงกระบวนการและแนวทางการพิจารณาคดีการปิดกั้นเว็บไซต์

กำลังโหลดความคิดเห็น