“ดำรง พุฒตาล” เจ้าของนิตยสารคู่สร้างคู่สม โพสต์แฉเบื้องหลัง ถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดหนักในคนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา จาก จ.สมุทรสาคร โดยเผยข้อมูลจากเพื่อนที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ทางด้านประมงว่า มีนายจ้างบางส่วนจ่ายเงินพาแรงงานลักลอบเข้าไทยคนละ 10,000 บาท
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. นายดำรง พุฒตาล เจ้าของนิตยสารคู่สร้างคู่สม ได้เผยผ่านเฟซบุ๊ก “คู่สร้างคู่สม (ประเทศไทย) จำกัด” ได้โพสต์ถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังระบาดหนักในคนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา จาก จ.สมุทรสาคร โดยเผยข้อมูลจากเพื่อนที่เป็นนักธุรกิจใหญ่ทางด้านประมง ว่า “มีนายจ้างบางส่วนจ่ายเงินพาแรงงานลักลอบเข้าไทยคนละ 10,000 บาท จากเส้นทางธรรมชาติส่งตรงถึงจังหวัด” โดยนายดำรง เล่าว่า
“ผมมีคนที่รู้จักและสนิทสนมกันมาก อยู่ในจังหวัดสมุทรสาครอยู่หลายคน เป็นเพื่อนที่เรียนหนังสือมาด้วยกันก็มี เป็นอดีต ส.ส.ก็มี ที่สำคัญ เป็นนักธุรกิจใหญ่ทางด้านประมงระดับประเทศ ซึ่งมักจะได้พูดคุยกันในเรื่องการค้าอาหารทะเลอยู่เสมอๆ เพื่อนพ่อค้าคนนี้ ได้บอกมาด้วยความเจ็บปวดว่า วิกฤตโควิดในสมุทรสาครคราวนี้เขาเสียหายเป็น 100 ล้านบาท
เชื้อโควิด-19 ได้บุกเข้ามาในสมุทรสาครนำเชื้อมาโดยตรงจากประเทศเมียนมา หรือพม่า โดยคนพม่า ชาวสมุทรสาครบางระดับรู้ดีว่าพวกหม่องที่นำเชื้อมา ผ่านเส้นทางตามช่องทาง “ธรรมชาติ” หัวละ 10,000 บาท บริการจากช่องทางธรรมชาติส่งให้ถึงที่สมุทรสาครเลย ผมคิดว่าราคา 10,000 บาทนี้ ไม่แพงเลย เพราะจากชายแดนพม่ากว่าจะถึงสมุทรสาครนั้นจะต้องผ่าน “ด่าน” ไม่รู้กี่ด่าน เพื่อนบอกว่าก่อนมี โควิดราคาถูกกว่านี้
เพื่อนผมอีกคนหนึ่งเป็นอดีตกำนันได้สร้างสนามบาสเกตบอลในเขตพื้นที่ของเขา เพื่อให้ลูกบ้านได้มาออกกำลังกาย และมีสันทนาการ ปรากฏว่า ทุกเย็นแทบจะไม่มีเด็กไทยไปเล่นบาสเกตบอลในสนามนี้เลย เพราะจะมีแต่คนพม่าเท่านั้นที่เล่นกันเต็มสนาม นี่ก็จะบอกได้ว่าจังหวัดสมุทรสาคร มีคนพม่าอยู่กันมากมายเต็มเมืองขนาดไหน และมีความเป็นไปได้สูงว่าในอนาคต นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร อาจเป็นคนพม่าก็ว่าได้
ในฐานะผมเป็นประธานและผู้ร่วมก่อตั้ง “มูลนิธิเมาไม่ขับ” ขอเปรียบเทียบว่า เชื้อโควิด-19 นั้นเหมือนกับคนเมาแล้วออกไปขับรถ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เราจะปลอดภัยได้จากโควิด-19 คือ เราและบ้านเมืองทุกภาคส่วนต้องช่วยกันป้องกันการระบาดของเชื้อโควิด และในทำนองเดียวกัน เราจะปลอดภัยจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ก็ต้องขจัดและช่วยกันทุกองคาพยพไม่ให้คนเมาออกมาขับรถนั่นเอง
ในตอนที่โรคเอดส์ HIV ระบาดไปทั่วโลก ผมก็ไม่ได้กังวลว่าตัวเองจะติดเชื้อนี้ เพราะถ้าเราไม่ไปส่ำส่อนทางเพศผมก็ไม่มีทางจะได้รับหรือต้องตายด้วยเชื้อ HIV นี้ ในทางตรงกันข้าม ผมอาจจะถูกคนเมาขับรถชนผมตาย ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้ดื่มเหล้าแม้แต่หยดเดียว หรือถ้าผมเดินอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร แต่ผมบังเอิญไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย ผมก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับเชื้อโควิดและอาจป่วยตายได้
อีกไม่กี่วันก็จะถึง “7 วันอันตรายบนท้องถนน” จากการเดินทางของคนไทยไปฉลองปีใหม่ในต่างจังหวัด ปีก่อนๆ มูลนิธิเมาไม่ขับของเราก็ช่วยกันโหมประชาสัมพันธ์เตือนสติคนไทยไม่ให้เมาแล้วขับรถ แต่ปีนี้เราจำเป็นจะต้องมีจิตสำนึกร่วมกันให้รู้จักป้องกันตัวเองที่จะไม่ให้ได้รับเชื้อจากโควิด-19 ปีใหม่ปีนี้ “กร่อยครับ” แต่อย่างไรก็ตาม ขอสวัสดีปีใหม่จากกรุงเทพฯ”