“ติดโควิด-19 เยอะ เพราะทำงานรวมกลุ่ม แต่ไม่เคลื่อนย้ายประชากร” ปัจจัยสำคัญทำให้สาธารณสุขเชื่อว่า ปิดเมืองสมุทรสาคร คุมง่ายกว่าเคสเชียงราย
รายงานพิเศษ
สร้างความวิตกกังวลไม่น้อย เมื่อมีการแถลงข่าวด่วนจากจังหวัดสมุทรสาครเมื่อคืนนี้ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มถึง 548 ราย จากการตรวจเพียงประมาณพันกว่าคน โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน
สถานการณ์ยิ่งดูเหมือนน่าวิตกเมื่อพบว่า มีผู้ติดเชื้อเพิ่มจากการเคยไปที่ตลาดกลางกุ้งจังหวัดสมุทรสาคร ต้นเหตุ โดยพบทั้งในย่านประชาชื่น กรุงทพมหานคร และล่าสุดพบข้อมูลยืนยันผู้ติดเชื้อที่จังหวัดสมุทรปราการ
ทำให้หลายพื้นที่ที่มีการติดต่อกับตลาดกลางกุ้งในจังหวัดสมุทรสาคร ถูกมองว่ามีความเสี่ยงสูงตามไปด้วย
ทีมข่าว MGR Online นำความวิตกกังวลนี้ ไปสอบถามกับแหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสอบถามหาข้อมูลเบื้องหลัง เพราะในคำแถลงทั้งจากผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครและกระทรวงสาธารณสุข ที่ประกาศใช้มาตรการเข้มข้น ทั้งมาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิว แต่ทำไมยังคงแสดงความมั่นใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้
แหล่งข่าวในกระทรวงสาธารณสุขคนหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ได้วิเคราะห์สถานการณ์เปรียบเทียบระหว่างกรณีพบการติดเชื้อที่จังหวัดเชียงราย กับกรณีล่าสุดที่จังหวัดสมุทรสาคร
โดยพยายามชี้ให้เห็นว่า แม้ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อในจังหวัดสมุทรสาครจะสูงมากจนน่าตกใจ แต่ยังพบว่า เป็นการติดเชื้อในกลุ่มคนที่ทำงานสัมผัสใกล้ชิดและรวมกลุ่มกันอยู่ตลอด จึงมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และแม้จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มไปที่กรุงเทพมหานครและสมุทรปราการ ก็ยังเป็นกลุ่มคนที่มีประวัติการเดินทางชัดเจน
ต่างจากกรณีการติดเชื้อที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากสถานบันเทิงในเมียนมา แต่ละรายยังมีพฤติกรรมเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ จึงมีโอกาสที่จะทำให้เชื้อแพร่กระจายไปในวงกว้างมากกว่าที่สมุทรสาคร
ดังนั้น แม้ว่าทางสาธารณสุขจำเป็นต้องใช้มาตรการเข้มข้นด้วยการปิดเมืองสมุทรสาคร ซึ่งอาจทำให้ดูน่ากังวล แต่การปิดเมืองจะทำให้การควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่กระจายออกไปทำได้ง่ายกว่า ด้วยการควบคุมพื้นที่เพียงจุดเดียว เพราะผู้ติดเชื้อยังอยู่รวมกันเป็นกลุ่มและไม่ได้เดินทางไปไหน ต่างจากกรณีของเชียงราย ส่วนที่มีผู้ติดเชื้อจากการเดินทางกลับจากตลาดกลางกุ้งฯ ก็ยังอยู่ในข่ายที่ติดตามได้