“หมอมนูญ” หมอเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ รพ.วิชัยยุทธ เผยผลวิจัยการแพร่กระจายโควิด-19 ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในที่ร่มที่มักติดตั้งเครื่องปรับอากาศ มากกว่าในที่กลางแจ้ง โดยพบคนติดเชื้อที่ร่มมากกว่าที่กลางแจ้งถึง 18.7 เท่า แนะหากทำกิจกรรมควรเว้นระยะห่าง 2 เมตรไม่ได้ ถึงจะอยู่ที่กลางแจ้งก็ควรใส่หน้ากากอนามัย
วันนี้ (14 ธ.ค.) เฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” หรือ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้โพสต์ให้ความรู้เกี่ยว “การแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในที่ร่ม (indoor) ในบ้าน ในอาคาร ในผับ บาร์ ร้านอาหาร ในรถ เรือ เครื่องบิน ในสนามกีฬาในร่ม ในสนามบิน และสถานที่ต่างๆ ที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ มากกว่าในที่กลางแจ้ง (outdoor) มีการศึกษายืนยันว่าคนรับเชื้อไวรัสโควิด-19 ในที่ร่ม (indoor) มากกว่าในที่กลางแจ้ง (outdoor) ถึง 18.7 เท่า และโอกาสการรับเชื้อไวรัสโควิด-19 ในที่กลางแจ้งน้อยมากไม่ถึงร้อยละ 10 เพราะฉะนั้นถ้าอยู่ในที่ร่มกับคนจำนวนมากจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกคน
เราควรอยู่ในที่กลางแจ้ง ปลอดภัยกว่าอยู่ในที่ร่ม เพราะพื้นที่กว้าง อากาศถ่ายเทดี มีลม แสงแดด เราไม่ต้องไปกลัวฝุ่น PM 2.5 มากเกินไป เราสามารถทำกิจกรรมออกกำลังกาย เช่นเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน ตีเทนนิส ตีกอล์ฟ เล่นฟุตบอล ว่ายน้ำ ดำน้ำ ไปชายหาด พายเรือ เล่นเรือ ออกไปปิกนิก กินอาหารในร้านอาหารกลางแจ้ง โดยมีความเสี่ยงรับเชื้อไวรัสโควิด-19 น้อยมากโดยเฉพาะเมื่ออยู่ห่างกันเกิน 2 เมตร
บางกิจกรรม เช่น กีฬาทางน้ำ ว่ายน้ำ ทานอาหาร ดื่มน้ำ ใส่หน้ากากอนามัยไม่ได้อยู่แล้ว ตีกอล์ฟ หรือเล่นกีฬาที่เหงื่อออกมาก ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยก็ได้ แต่ถ้าต้องอยู่ใกล้ชิดกับคนอื่น เว้นระยะห่าง 2 เมตรไม่ได้ ถึงจะอยู่ที่กลางแจ้ง ก็ควรใส่หน้ากากอนามัย
ต้องระวังเมื่อรวมตัวกับคนจำนวนมาก เช่นออกมาชุมนุมในที่กลางแจ้งในตอนเย็นหลังพระอาทิตย์ตกดิน โดยอยู่ใกล้ชิดกัน ไม่สามารถเว้นระยะห่าง 2 เมตร มีคนตะโกนส่งเสียง และบางคนไม่ใส่หน้ากาก โอกาสรับเชื้อไวรัสโควิด-19 จะสูงขึ้น ในกรณีเช่นนี้จำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกคน ถ้ารักประเทศไทย ไม่อยากเห็นการระบาดรอบที่ 2 เพราะความเสียหายทางเศรษฐกิจระลอกสองจะตามมา ขอให้ทุกคนใส่หน้ากากอนามัย”
คลิกโพสต์ต้นฉบับ