xs
xsm
sm
md
lg

“วอชด็อก” ยื่นมือช่วยเจ้าของ “เจ้าสัว” หลังโดน “หน่วยกู้ภัยฯ” จับไปทิ้งในป่าลึกจนตาย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“มูลนิธิวอชด็อก” รับเรื่องเข้าช่วยเหลือ “เจ้าสัว” แมวที่หลุดออกมาจากบ้าน โดน “หน่วยกู้ภัยพุทไธสวรรย์ บางปะอิน” จับไปปล่อยในป่าลึกจนเสียชีวิต ชี้ พฤติกรรมของเจ้าหน้าที่เข้าข่าย “ทารุณกรรมสัตว์”

เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊กสาว “Suphaksana Vavichanee” ได้โพสต์คลิปวิดีโอ พร้อมระบุข้อความ หลัง “หน่วยกู้ภัยพุทไธสวรรย์บางปะอิน” นำแมวที่ผู้โพสต์เลี้ยงไว้ แต่เกิดเหตุการณ์หลุดออกจากบ้าน จนเพื่อนบ้านระแวงว่าแมวจะมาทำร้ายคนในบ้าน จึงได้โทร.แจ้งหน่วยกู้ภัยดังกล่าวมาจับไปปล่อยที่อื่น แต่หลังจากที่ผู้โพสต์กลับมาถึงบ้านก็ไม่พบแมวที่เลี้ยงไว้ จึงได้ออกตามหา สุดท้ายตามหาจนเจอ แต่น้องได้เสียชีวิตลงแล้ว เนื่องจากกู้ภัยฯนำไปปล่อยในป่าลึก อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาร่วมวิพากษ์วิจารณ์ รุมประณามการกระทำของเจ้าหน้าที่กู้ภัย “พุทไธสวรรย์บางปะอิน” ที่นำแมวไปปล่อยในป่าลึกจนเสียชีวิต ทั้งนี้ เจ้าของแมวจึงได้เข้าไปแจ้งความต่อสถานีตำรวจภูธรบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

ต่อมา เพจ “หน่วยกู้ภัยพุทไธสวรรย์ บางปะอิน” ได้ออกมาโพสต์ข้อความแก้ตัวต่อเหตุการณ์ดังกล่าว เผยว่า ทีมงานของตนเองได้รับแจ้งจากชาวบ้านให้มาจับแมวที่หลุดออกมา เนื่องจากหวั่นว่าแมวจะมาทำร้ายคนในบ้าน จึงได้จับแมวไปปล่อยในป่า ซึ่งใกล้กับบ้านเผื่อว่ามันมีเจ้าของจะได้เดินกลับเองได้ นอกจากนี้ ยังโวยเจ้าของแมวว่า จะเข้าแจ้งความทำไมและแมวก็มีราคาแพง แต่ทำไมหาซื้อปลอกคอให้ไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำให้ชาวเน็ตโกรธ นั้นคือ การที่พนักงานของทีมกู้ภัย ออกมาคอมเมนต์ล้อเลียน ไม่มีความสำนึก โพสต์เอาสนุก จนยิ่งทำให้ชาวเน็ตรู้สึกไม่มีกับกู้ภัยแห่งนี้

โดยวันนี้ (10 พ.ย.) เพจ “มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์” ได้ออกมายื่นมือเข้าช่วยเหลือเจ้าของแมว เนื่องจากมองว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำแมวไปปล่อยในป่าลึก รวมถึงวิธีต่างๆ อาจจะเข้าข่าย “ทารุณกรรมสัตว์” โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า

“เดิม…เมื่อ WDT รับทราบเรื่องราวสุดสลดนี้ ก็ยังคิดว่าเป็นเรื่องที่กู้ภัยทำหน้าที่ตามปกติของตนตามการร้องเรียนของประชาชน บวกกับการอ้างว่า ไม่ได้นำแมวไปปล่อยป่า แต่ปล่อยไว้ห่างจากหมู่บ้าน 300 เมตร
การแจ้งความกล่าวหาของเจ้าของต่อกู้ภัย จึงคิดว่า ไม่น่าจะมีความผิด เพราะไม่ใช่ “เจตนาทารุณกรรมสัตว์”
แต่หลังจากเปิดเผยข้อเท็จจริง ได้เห็นสถานที่ที่นำแมวไปปล่อย
วิธีการจับแมวใส่กระสอบ และการใช้วิจารณญาณในฐานะอาสาสมัครกู้ภัยที่ควรจะได้รับการอบรมวิธีการและแนวทางการช่วยเหลือทั้งคนและสัตว์

เรื่องก็เลยพลิกครับ

ที่มันเข้าทารุณกรรมสัตว์ก็เพราะ การเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่เดิมของสัตว์โดยน้ำมือมนุษย์ คือ นำสัตว์ไปปล่อยในสถานที่ที่ไม่มีสวัสดิภาพสัตว์
ไม่ว่าจะเป็นหมาแมวจรหรือหมาแมวมีเจ้าของก็ผิดทั้งเพครับ ไม่มีข้อยกเว้นว่าประชาชนหรือเจ้าหน้าที่รัฐหรือเอกชนไม่รู้กฏหมาย และแล้วในที่สุดชะตากรรมของสัตว์ที่ถูกนำไปปล่อยทิ้งในสถานที่ที่ไม่มีสวัสดิภาพสัตว์ที่เหมาะสมก็เป็นเช่นทุกชีวิตที่เคยเป็นมา…คือตาย

WDT ให้เจ้าของที่แจ้งเรื่องร้องเรียนขอคำปรึกษาการดำเนินการ
นำร่างไร้ชีวิตที่อ่อนปวกเปียก เนื้อตัวเปียกปอนเต็มไปด้วยโคลน
นำส่งแช่แข็งที่โรงพยาบาลสัตว์กรุงศรีฯ รอผลการผ่าชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี หลังเจ้าของเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.บางปะอิน อยุธยา”

ด้าน “หน่วยกู้ภัยพุทไธสวรรย์ บางปะอิน” ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความแก้ตัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าว โดยได้ระบุข้อความว่า

“ขอให้อ่านให้จบแล้วคิดถึงทางด้านพวกเราบ้างครับ พวกผมเลือกที่จะเงียบ ไม่ออกมาอธิบายอะไร เพราะไม่อยากให้น้องอาสาที่ไปช่วยแม่กับลูกผู้แจ้งให้อาสาไปเอาแมวออกมาจากบ้านโดนชาวคนที่รักแมวโจมตี พวกเราเลือกที่จะรับผิดไว้เอง เพียงเพราะทางน้องอาสาคนหนึ่งไปช่วยจับแมวออกจากบ้านที่คุณทำหลุดไป ถ้าเงแมวไม่ดุ เขาไล่เองได้ เขาคงไม่แจ้งในไลน์กลุ่มหมู่บ้านว่าแมวใครหลุดมา มารับไปหน่อย ซึ่งเจ้าของแมวก็อยู่ในกลุมไลน์นั้น ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย เจ้าของแมวก็ไม่เอะใจว่าแมวตัวเองหาย ซึ่งผู้แจ้งก็พยายามฉีดน้ำไล่แมวก็ไม่ไป รอเทศบาลก็ไม่มา จนถึงตอนบ่ายจึงโทรหาทางศูนย์เราให้ส่งอาสาใกล้เคียงไปจับแมวออกจากบ้านให้หน่อย เขาเดือดร้อนแมวขู่จะกัดเขา ซึ่งพอน้องอาสาไปถึงเจอสภาพแมวเปียกน้ำ แถมแมวยังขู่จะกัด อาจเพราะตกใจหรืออะไรไม่ทราบ จึงดำเนินการใช้กระสอบคลุมแล้วจับออกมาให้ โดยแค่น้องอาสาผู้นี้มีเจตนาที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนที่อยู่ตรงหน้าแค่นั้น ทางน้องยอมรับว่าแยกพันธ์แมวไม่ออก เพราะไปเจอคือสภาพแมวเปียกน้ำเพราะเจ้าของบ้านฉีดน้ำไล่ พอจับได้น้องอาสาก็ถามว่าจะให้ผมเอาไปไว้ไหน เขาก็แจ้งให้ไปปล่อยเลยบ้านป้าไป ซึ่งเป็นป่าหญ้าเลยหมู่บ้านมา มันจะได้เดินเลาะกลับบ้านได้..ถ้ามันมีเจ้าของ แต่พอเจ้าของรู้ว่าแมวหายช่วงบ่าย และตามไปบ้านหลังที่แจ้งในไลน์หมู่บ้านเขาก็ให้เบอร์น้องอาสาที่จับโทรหากันเรื่องจุดที่ปล่อยน้องอาสาก็บอกไป ซึ่งที่ไม่ไปช่วยดูเพราะน้องเขาออกมาทำงานแล้วจึงไปช่วยดูไม่ได้ #แต่เจ้าของแมว ไม่เลือกที่จะติดต่อทางหน่วยโดยตรงเลือกที่จะโพสท์ประนามการว่าเป็นกระทำของหน่วยงานซึ่งจริงๆยังคณะกรรมการยังไม่มีใครรู้เรื่องเลย..จนเฟสทั้งที่มีตัวตนคนรักแมวและไม่มีตัวตนเข้ามาด่ามากมาย น้องอาสายอมรับและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ชวนเพื่อนๆอาสาไปออกตามหา โดยมีเจ้าของแมวอยู่ด้วยในช่วงกลางคืนวันเกิดเหตุ แต่เจ้าของแมวกลับพูดว่า #ถึงพวกคุณมาหาทางเราก็แจ้งความอยู่ดี คำพูดนี้ไม่น่าพูดออกมา แถมไม่โพสท์ลงให้รู้ว่าทีมงานอาสามาแสดงความรับผิดชอบเบื้องตน แต่เจ้าของแมวเลือโพสท์ที่ตัวเองไปหาเองเท่านั้น พอตอนเช้ารุ่งขึ้นทางทีมน้องๆอาสาก็ออกไปหาอีกโดยโทรเรียกเจ้าของแมวมาด้วย แต่ได้คำตอบมาว่า #พวกคุณหาไปก่อนเลย (อันนี้ทางเรามีคลิปเสียง) ที่ไม่ออกมาโพสท์เพราะกระแสคนรักแมวมันเยอะ ออกมาโพสท์ก็โดนด่า เราทำงานช่วยเหลือคนมาก็เยอะมากมาย ตั้งแต่รถประชาชนยางแตก แบตหมด ลืมกุญแจในรถ จับงู จับหมา จับแมว จับคนบ้างานจราจรต่างๆขอมาพวกเราทำหมด น้องอาสาคนนี้ก็ช่วยงานอาสามานาน เพียงแค่น้องพลาดตัดสินใจนำแมวไปปล่อยตามคำสั่งเจ้าของบ้านที่เดือดร้อนเรื่องเลยเกิดขึ้น คนทำงานย่อมมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ทางคดีน้องก็ยอมรับให้เจ้าของแมวแจ้งไป แต่ทางกลุ่มคนที่โพสท์ด่าตามกระแสด่าเอามัน ประนามหน่วยเราไปก่อนแล้ว พร้อมทั้งจะให้อาสาที่ทำงานช่วยเหลือสังคมไปรับผิดร่วมกันโดยยุบหน่วยฯทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้นพวกเราเลยเลือกที่จะเงียบก่อน ขอให้พี่น้องบางปะอิน อยุธยา เข้าใจพวกเราด้วย เจตนาน้องอาสาไม่ได้ไปฆ่าแมว แต่ด้วยด้วยความคิดเอาง่ายๆตามผู้แจ้งเหตุการณ์จึงเกิดขึ้น ซึ่งทางเพจโพสท์เสียใจ โพสทขอโทษ ซึ่งก็โพสท์ในเพจไปแล้ว แต่กลับโดนด่ามากมายจนต้องลบออก แต่ก็ตามมาด่าทางหน่วยอีก เราจึงเลือกที่จะเงียบก่อนมันเป็นสิ่งดีที่สุด ขอโทษอีกครั้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่าเหมารวมพวกเราเลยครับ”















กำลังโหลดความคิดเห็น