สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ กรณีเด็กลุกขึ้นยืนชู 3 นิ้ว ระหว่างพิธีถวายบังคมวันปิยมหาราช ยืนยันโรงเรียนทำถูกต้องแล้ว เพราะการสอนนักเรียนให้มีความรู้ไม่ใช่สอนเพียงด้านวิชาการอย่างเดียว และการอยู่ร่วมกันในสังคมต้องปฏิบัติตามกฎของส่วนรวม ชี้ ไม่ได้ลงโทษนักเรียน แค่เรียกมาทำความเข้าใจ
จากกรณีจากกรณีมีการเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ ที่อ้างว่า โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ไล่ออกเด็กนักเรียนที่ลุกขึ้นยืนชู 3 นิ้ว ระหว่างพิธีถวายบังคมวันปิยมหาราช เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (26 ต.ค.) เพจ “นครออนไลน์” ได้ออกแถลงการณ์ จากสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย ตามที่ได้ปรากฏเป็นข่าวในสื่อออนไลน์ เมื่อวันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2563 ว่า นักเรียนโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เขียนข้อความผ่านสื่อทวิตเตอร์ ระบุว่า จากกรณีที่ตนลุกขึ้นมาชูสามนิ้ว ระหว่างกิจกรรมถวายบังคมในวันปิยมหาราชที่โรงเรียนจัดขึ้น ส่งผลให้ตนต้องถูกโรงเรียนไล่ออก ก่อนที่ผู้ปกครองต้องจำใจเซ็นใบลาออกเพื่อไม่ให้มีประวัติติดตัว และต่อมามีผู้ใช้นามว่า “วรา จันทร์มณี” ระบุว่า เป็นเลขาธิการเครือข่ายประชาชนพิทักษ์สิทธิเสรีภาพและความเป็นธรรม ได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของโรงเรียน ประณามการกระทำของผู้อำนวยการโรงเรียนเบญจมราชูทิศ มีสาระว่า โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ได้มีการบังคับให้นักเรียนร่วมกิจกรรมถวายบังคม โดยหากไม่เข้าร่วมจะถูกหักคะแนน และนักเรียนรายดังกล่าวไม่เห็นด้วยกับการบังคับให้ไปทำพิธีถวายบังคม โดนบังคับให้คุกเข่า จึงชูสามนิ้วแสดงสัญลักษณ์อารยะขัดขืน หลังจากนั้น ได้มีครูของโรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช โทร.ไปแจ้งผู้ปกครอง ว่า โรงเรียนจะไล่นักเรียนรายดังกล่าวออก เมื่อผู้ปกครองทราบเรื่องจึงไปเซ็นใบลาออก เพื่อไม่ให้นักเรียนรายนั้นเสียประวัติ ตามข่าวยังระบุว่า คุณวรา จันทร์มณี เห็นว่า การกระทำของผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นการกระทำที่อุกอาจ ลุแก่อำนาจ ที่เคยบอกว่าเปิดกว้าง ไม่ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของเด็ก การกระทำดังกล่าวสะท้อนให้เห็นอาการปากว่าตาขยิบ วัฒนธรรมอนุรักษนิยมครอบงำโรงเรียนเบญจมราชูทิศ การบังคับให้เด็กมาทำพิธีใน พ.ศ.นี้ เป็นเรื่องล้าสมัย ขัดต่อหลักสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ จึงขอประณามการกระทำดังกล่าวของโรงเรียน และจะติดตามดำเนินการเพื่อปกป้องนักเรียนรายดังกล่าวต่อไป นั้น
สมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) ได้รับฟังเรื่องดังกล่าวแล้วขอเรียนให้ทราบข้อมูลและข้อเสนอแนะดังนี้
ข้อ 1. โรงเรียนเบญจมราชูทิศ แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อตั้งโดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2442 เป็นโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่พิเศษ เป็นโรงเรียนแข่งขันสูง ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โรงเรียนได้จัดกิจกรรมถวายบังคมในวันปิยมหาราชเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระคุณของพระองค์ท่านที่ทรงก่อตั้งโรงเรียนและยังทรงมีคุณูปการต่อประเทศอีกมากมาย
ข้อ 2. ในวันที่ 23 ตุลาคม 2563 โรงเรียนได้จัดกิจกรรมนี้ที่โรงเรียนโดยนักเรียนรายดังกล่าวซึ่งเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้ร่วมพิธีด้วย ก่อนทำพิธีในวันที่ 23 ตุลาคม 2563 นั้น ก็ได้มีการซ้อมพิธีล่วงหน้า 2-3 วัน ในวันทำพิธีนักเรียนทุกคนและคุณครู รวมถึงผู้ร่วมพิธียืนตรง เมื่อถึงเวลาที่ต้องมีการถวายบังคม ทุกคนต้องนั่ง และก้มกราบพระบรมรูปเพื่อถวายบังคม แต่นักเรียนรายนี้เพียงรายเดียวที่ไม่ได้นั่งและก้มกราบ แต่ได้ยกแขนชูสามนิ้วในขณะนั้น
ข้อ 3. โรงเรียนได้ดำเนินกิจกรรมต่อไปโดยมิได้มีการต่อว่าหรือห้ามปรามใดๆ
ข้อ 4. โรงเรียนมิได้มีนโยบายหรือได้สั่งการใดๆ ให้มีการลงโทษนักเรียนรายนี้
ข้อ 5. โรงเรียนมิได้รับใบลาออกจากผู้ปกครองตามที่มีการกล่าวอ้าง อีกทั้งช่วงวันที่ 23-24 ตุลาคม 2563 เป็นวันหยุดราชการ
ข้อ 6. เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนั้น รับทราบมาว่าผู้อำนวยการโรงเรียนมีแนวทางที่จะเรียกนักเรียนผู้นั้นมาพบ และทำความเข้าใจรวมถึงอธิบายเหตุผลที่ต้องมีการทำพิธีถวายบังคมในวันปิยมหาราช
สมาคมฯขอเรียนเพิ่มเติมว่าหน้าที่ของโรงเรียนนอกจากจะให้ความรู้แก่นักเรียนแล้ว ยังจะต้องให้การศึกษาอบรมในเรื่องของการอยู่ร่วมกันในสังคม ความมีระเบียบวินัย ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ การปฏิบัติตามกฎระเบียบ การรำลึกถึงพระคุณของบูรพมหากษัตริย์ไทย หรือ บุคคลสำคัญที่ได้สร้างและพัฒนาชาติให้มีความเจริญมั่นคงทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ การบริหารโรงเรียนจะอยู่ภายใต้ขอบเขตที่กฎหมายให้อำนาจไว้ สมาคมฯได้ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้วเห็นว่าการดำเนินการของโรงเรียนเบญจมราชูทิศ ในเรื่องดังกล่าวนั้น ไม่ขัดกับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตราใดทั้งสิ้น อีกทั้งโรงเรียนก็ไม่ได้มีนโยบายไล่นักเรียนรายดังกล่าวออกจากโรงเรียนแต่อย่างใด โรงเรียนของรัฐทุกโรงเรียนเป็นสังคมที่มีการอยู่ร่วมกันด้วยคนหมู่มาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีกฎกติกา วัฒนธรรมประเพณีที่แตกต่างกันไปเป็นตัวกำกับการอยู่ร่วมกัน แต่กฎ กติกา วัฒนธรรมประเพณี ดังกล่าวนั้น จะอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย ผู้ปกครองและตัวนักเรียนเองควรศึกษากฎ กติกา และวัฒนธรรมประเพณี ของแต่ละโรงเรียนว่าเหมาะสมสอดคล้องกับตัวเองแค่ไหนอย่างไร ก็สามารถเลือกที่จะสมัครหรือไม่สมัครเข้าเรียนโรงเรียนต่างๆเหล่านั้นได้อย่างมีเสรีภาพที่ได้รับการรับรองโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
สมาคมฯจึงขอวิงวอนให้ทุกท่านได้เข้าใจในเจตนาและความตั้งใจที่ดีของโรงเรียนในระบบที่มุ่งจะพัฒนานักเรียนให้เป็นคนเก่ง คนดี และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข การสอนนักเรียนให้มีความรู้แต่เพียงด้านวิชาการอย่างเดียวนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายและเบาแรง แต่ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นครูที่มุ่งสอนให้นักเรียนเป็นคนดีของสังคมและสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุขได้ในอนาคตนั้นบางครั้ง จึงต้องดำเนินกิจกรรมที่อาจไม่ถูกใจนักเรียนในวันนี้แต่จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อตัวนักเรียนเองและต่อสังคมในวันข้างหน้าสืบต่อไปแม้ว่าจะเป็นภาระงานที่หนักมากมายก็ตาม
จึงขอแถลงข่าวมาเพื่อโปรดทราบ
รัชชัยย์ ศรสุวรรณ
นายกสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.)
24 ตุลาคม 2563
คลิกโพสต์ต้นฉบับ