“ส.ว.ตวง” ชี้ ปัญหาเด็กไทยบางคนที่เชื่อข้อมูลด้านเดียว ต้องแก้ด้วยการปฏิรูปการศึกษาด่วน หนุนกระจายอำนาจให้แต่ละท้องถิ่นจัดการกันเอง เรื่องเครื่องแบบ ทรงผม แต่ละโรงเรียนกำหนดเองได้ตามความเหมาะสม
วันที่ 21 ต.ค. นายตวง อันทะไชย สมาชิกวุฒิสภา และประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “การศึกษาไทยล้าหลัง เด็กรุ่นใหม่น่าเป็นห่วง”
โดย นายตวง กล่าวในช่วงหนึ่งว่า การศึกษาไทย ทำให้เด็กบางคน หรือคนรุ่นเก่าก็เป็น รับข้อมูลชุดเดียวแล้วเชื่อเลย เพราะคนเรามักรับข้อมูลเดียวกับที่ตัวเองเชื่อ จริงๆ ไม่ใช่ มันทำให้ไม่ฟังคนที่คิดต่าง ระบบการศึกษาที่ถูกต้อง ต้องเปิดกว้าง รับฟังคนที่คิดต่างด้วย ฟังอย่างเข้าใจข้อจำกัดของแต่ละคน แต่โซเชียลฯ ตอนนี้ มันทำให้คนได้ข้อมูลเร็ว วิธีเดียวที่จะแก้ได้ ก็คือการปฏิรูปการศึกษาเท่านั้นเอง 10 ปีที่แล้ว เราเรียกร้องให้นักศึกษาตระหนักถึงปัญหาบ้านเมือง ตอนนี้เขามาแล้ว แต่มีเงื่อนไขที่เราต้องระวัง
ปรากฏการณ์กลุ่มนักเรียนเลวมาที่กระทรวงศึกษาธิการ เรียกร้องเรื่องเครื่องแบบ ทรงผม ฯลฯ คือ การตอกย้ำว่าเราต้องรีบปฏิรูปการศึกษา การรวบอำนาจมาไว้ที่ส่วนกลาง เราไม่สามารถปฏิรูปการศึกษาได้เลย มันต้องกระจายอำนาจไปยังสถานศึกษา ให้เขาบริหารจัดการตัวเองได้ เพราะแต่ละพื้นที่ไม่เมือนกัน เช่น พวกวิชาเลือก วิชาชีพ วิชาท้องถิ่น ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ต้องกระจายอำนาจวิชาการ การบริหารงานบุคคล งบประมาณ ให้ท้องถิ่นจัดการเองได้
อย่างเรื่องทรงผม เครื่องแบบ ถ้ากระจายอำนาจไป ให้แต่ละโรงเรียนกำหนดเองได้ตามความเหมาะสม
แต่เรื่องระบบจัดการศึกษา ที่คนต่อว่าว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน อันนี้ไม่จริง แต่มันคือขบวนการพัฒนาผู้เรียน ให้มีความเจริญงอกงาม ทางกาย อารมณ์ สังคม สติ ปัญญา ให้มีภูมิคุ้มกัน เข้มแข็งตอนโตเป็นผู้ใหญ่ อันนี้ต้องสร้างความเข้าใจให้ตรงกัน ส่วนการละเมิดนั่นคือการลงโทษเด็กแบบที่เป็นข่าว เมื่อฝึกคนให้มีคุณภาพได้ ก็จะสร้างชาติให้มีคุณภาพได้
เมื่อถามว่า ยุคนี้การปฏิรูปการศึกษาอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ส.ว. ในแผนการปฏิรูป 5 ปี ตอนนี้เหลือเวลาปีเดียว มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายตวง ตอบว่า ไม่มีอะไรคืบหน้าเลย ต้องเข้าใจว่า ส.ว. มีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ คือ ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ทำข้อเสนอ ตรวจสอบ แล้วทำเองไม่ได้ ต้องนำเข้าสู่สภาฯ สภาฯ เห็นชอบส่งไป ครม. แล้วส่งไปยังกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งทั้งหมดนี้เราส่งข้อเสนอไปแล้ว แต่เขาไม่ทำ