เพจ “เฮียขับรถ” เผยคลิปวิดีโออุบัติเหตุบริเวณสี่แยกไฟแดงในจังหวัดปทุมธานี จักรยานยนต์ฝ่าสัญญาณไฟจราจรชนเข้ากับรถยนต์จนตนเองได้รับบาดเจ็บต้องนำส่งโรงพยาบาล แต่ญาติของผู้ขับขี่จักรยานยนต์กลับเรียกร้องค่าเสียหายทั้งที่ฝ่ายตนเองทำผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. เพจ “เฮียขับรถ” ได้โพสต์คลิปวิดีโอที่สามารถบันทึกได้จากกล้องติดหน้ารถยนต์ของผู้ที่ประสบอุบัติเหตุความยาวเกือบ 1 นาที เผยให้เห็นอุบัติเหตุบริเวณแยกสัญญาณไฟจราจร ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เมื่อจักรยานยนต์คู่กรณีขี่ฝ่าสัญญาณไฟจราจรมาชนกับรถกระบะทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหายและผู้ขับขี่จักรยานยนต์ก็ได้รับบาดเจ็บ แต่ปรากฏว่าญาติของผู้ขับขี่จักรยานยนต์กลับมาร้องเรียกค่าเสียหาย ทั้งนี้ ทางเพจได้ระบุข้อความว่า
“อ่านถึงญาติผู้บาดเจ็บได้ติดต่อให้รับผิดชอบด้วย เอาตีนก่ายหน้าผากเลยสัส เอากะแม่งดิวะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันอังคารที่ 15 เดือนกันยายน 2563
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่ที่สนิทกัน พี่เขาก็ขับรถยนต์กระบะมาตามถนนเป็นปกติ พอถึงแยกไฟแดงได้มีจักรยานยนต์ขับออกมาโดยไม่ได้หยุดมองรถหรือสัญญาณไฟจราจร ทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกัน ซึ่งทำให้รถยนต์กระบะได้รับความเสียหาย และผู้ขับขี่จักรยานยนต์ก็ได้รับบาดเจ็บ ทางกู้ภัยก็นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล... โดยทางญาติผู้บาดเจ็บได้มีการโทร.มาให้พี่เค้ารับผิดชอบต่ออุบัติเหตุในครั้งนี้ด้วย
สงสารพี่เจ้าของรถ ตอนนี้พี่เขาเศร้ามาก ประกันก็หมด เงินก็ไม่พอจะจ่ายค่างวดรถอีก แล้วมาเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ โดยส่วนตัวที่รู้จักกันพี่เขาเป็นคนรักรถมาก ดูแลอย่างดี พอได้เห็นสภาพรถพี่แล้วอยากร้องไห้แทน
อุบัติเหตุเกิดขึ้นเวลาประมาณ 08.30 น. ระหว่างรถยนต์กระบะกับจักรยานยนต์ บริเวณแยกสัญญาณไฟจราจร (แฟลตคอม) ม.5 ต.คูบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี”
อย่างไรก็ตาม เพจ “ทนายคู่ใจ” ได้เคยออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับารขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร โดยได้ระบุข้อความว่า
“การขับรถฝ่าฝืนสัญญาไฟจราจรบริเวณสี่แยกไฟแดงนั้น เป็นการกระทำตามความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 22 บัญญัติว่า “ผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรที่ปรากฏข้างหน้าในกรณีต่อไปนี้ (2) สัญญาณจราจรไฟสีแดงหรือเครื่องหมายจราจรสีแดงที่มีคำว่า “หยุด” ให้ผู้ขับขี่หยุดรถหลังเส้นให้รถหยุด” ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ตามมาตรา 152 แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว
การไม่ปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจรข้างต้นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายนั้น เป็นการกระทำโดยประมาท เพราะหากใช้ความระมัดระวังในการขับรถตามกฎจราจรปกติเหมือนกังเช่นคนทั่วไปทำกันก็อาจจะไม่เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายถึงขนาดขาหัก ต้องเข้าเฝือกและไม่สามารถประกอบกรณียกิจได้ตามปกติเป็นเวลามากว่า 20 วัน จึงเป็นกรณีที่ได้รับอันตรายสาหัส ผู้ชนจึงมีความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 บัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อเท็จจริงยังปรากฏอีกว่าจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายขับมานั้นเกิดความเสียหายด้วย กล่าวคือมีการเฉี่ยวชนบริเวณบังโคลนหน้า เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 “ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมาย ให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่ง อย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น”
อีกทั้งเมื่อเกิดการเฉี่ยวชนกันขึ้นแล้วผู้ขับขี่รถกระบะคันดังกล่าวยังไม่ได้หยุดรถลงมาดู และให้ความช่วยเหลือ หรือแสดงตัวแต่อย่างใด จึงเป็นการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 78 วางหลักว่า “ผู้ใดขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับขี่หรือไม่ก็ตาม ต้องหยุดรถ และให้ความช่วยเหลือตามสมควร พร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียงทันที กับต้องแจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล และที่อยู่ของตนกับผู้ได้รับความเสียหาย
ในกรณีที่ผู้ขับขี่หลบหนีไปหรือไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สถานที่เกิดเหตุ ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำความผิดทางและให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดรถคนที่ขับขี่หลบหนีได้จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือได้ตัวผู้ขับขี่ ถ้าไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 6 เดือนนับแต่วันเกิดเหตุ ให้ถือว่ารถนั้นเป็นทรัพย์สินในการกระทำความผิดหรือเกี่ยวกับการกระทำความผิด และให้ตกเป็นของรัฐ” ซึ่งมีโทษตามมาตรา 160 แห่ง พ.ร.บ.เดียวกัน “ผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 78 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 78 เป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัส หรือตาย ผู้ไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”