ว.วินิจฉัยกุล ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ แจงเหตุลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการซีไรต์ หลังวิจารณ์เรื่องม็อบนำเสื้อครุยพระราชทานของจุฬาฯ ไปสวมใส่ในโอกาสที่ไม่เหมาะสม แล้วเกิดทัวร์ลง จนกรรมการบางคนเอาไปอ้างไม่ควรรับตำแหน่งประธานกรรมการ
วันนี้ (14 ก.ย. 63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก รองศาสตราจารย์ ดร.คุณหญิงวินิตา (วินิจฉัยกุล) ดิถียนต์ หรือ แก้วเก้า หรือ ว.วินิจฉัยกุล ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ได้เขียนกลอนลงในห้องรวมพลคนอักษร ซึ่งเป็นห้องในเฟซบุ๊ก ของนิสิตเก่า คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อวิพากษ์การแต่งชุดครุยบัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในลักษณะที่ไม่เหมาะสม เช่น การสวมรองเท้าผ้าใบ การใส่หน้ากากผี หน้ากากขาว ในขณะที่ผู้หญิงบางคนสวมกางเกงขายาวแต่สวมครุยทับอย่างไม่เหมาะสม ไม่ให้เกียรติชุดครุยของสถาบันที่ตัวเองสำเร็จการศึกษามา (หรือไม่? หรืออาจจะแค่แอบอ้างเป็นบัณฑิตจุฬา?) จนเกิดทัวร์ลง ด้วยถ้อยคำรุนแรง หยาบคาย นั้น
ล่าสุด ดร.คุณหญิงวินิตา ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว “vinita.diteeyont” ความว่า ดิฉันเคยได้รับเชิญเป็นทั้งกรรมการและประธานกรรมการตัดสินรางวัลซีไรต์มาหลายปีแล้ว ล่าสุด ใน พ.ศ. 2563 นี้ ก็ได้รับเชิญอีก เข้าประชุมครั้งแรกก็มีเหตุให้ลาออกเสียแล้ว
การที่ลาออก ไม่ใช่เพราะมีเหตุจำเป็น ไม่ใช่เพราะป่วย หรือทำความผิดอย่างใดอย่างหนึ่งจนต้องลาออก แต่เป็นเพราะเมื่อที่ประชุมรับรองประธานกรรมการอย่างเป็นทางการ กรรมการท่านหนึ่งคัดค้านขึ้นมาว่า ดิฉันมี “เรื่อง” กับคนบางกลุ่มในเฟซบุ๊ก อาจจะทำให้มีปัญหาตามมาในการเป็นประธานกรรมการตัดสินหนังสือซีไรต์
เพราะข้อนี้ เป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดในสมาคมภาษาและหนังสือ แม้ไม่ได้ทำเป็นมติของที่ประชุมสมาคม หรือมีเอกสารแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรมายังคณะกรรมการซีไรต์ก็ตาม
ประเด็นที่กรรมการท่านนั้นหยิบยกขึ้นมา หมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้อง “รวมพลคนอักษร” ซึ่งเป็นห้องปิด รับเฉพาะสมาชิกที่เคยเรียนหรือกำลังเรียนอยู่ในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เท่านั้น
กรรมการท่านนั้นยังกล่าวต่อไปอีกว่า ได้ข่าวว่ามีคดีฟ้องร้องตามมา เพราะแฟนคลับของดิฉันไปตอบโต้บุคคลเหล่านั้น แต่กรรมการท่านดังกล่าวก็ยอมรับว่า ไม่ได้อ่านโพสต์ที่เป็นสาเหตุของเรื่อง
เรื่องนี้ ดิฉันได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า
1. ดิฉันได้เขียนกลอน 1 บท ส่งไปลงที่ห้องรวมพลคนอักษร แสดงความคิดเห็นว่าเสียใจที่เห็นภาพถ่ายบุคคลที่นำเสื้อครุยพระราชทานของจุฬาฯไปสวมใส่ในโอกาสที่ไม่เหมาะสม
“สู้เหนื่อยยากร่ำเรียนเพียรศึกษา
เป็นบัณฑิตจุฬาสง่าศรี
กว่าได้ครุยพระราชทานก็นานปี
ถูกย่ำยี เหลือจะกล่าวร้าวรานใจ”
เมื่อมีผู้เห็นแย้ง ดิฉันก็ไม่ได้ว่ากล่าวหรือใช้วาจาก้าวร้าวใดๆกับบุคคลเหล่านั้น จนกระทั่งแอดมินได้ลบโพสต์นั้นไป หลักฐานทั้งหมดดิฉันได้เก็บไว้แล้ว พร้อมจะให้อ่าน
2. ไม่มีการฟ้องร้องหรือดำเนินคดี หรือแม้แต่แจ้งความใดๆ ไม่ว่าจากฝ่ายไหน จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครมาพบ หรือมากล่าวหาดิฉันแต่อย่างใด ดิฉันยังไม่เคยเห็นตัวจริงของบุคคลใดๆ ที่เห็นแย้งเลยจนคนเดียว
3. ถ้ามีการเกรงข้อครหาว่า ดิฉันจะใช้ตำแหน่งประธานกรรมการรางวัลซีไรต์ ก่ออคติแก่ชาวอักษรศาสตร์เหล่านั้น ก็ขอให้ดูข้อเท็จจริงว่า ในบรรดาหนังสือที่ผ่านรอบคัดเลือกมาถึงรอบตัดสิน (ตามที่ประกาศต่อสาธารณชนแล้ว ไม่ใช่ความลับ) ไม่มีนักเขียนคนไหนเลยเคยเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ และดิฉันไม่เคยรู้จักนักเขียนเหล่านี้เป็นส่วนตัวเลยจนคนเดียว
4. สำหรับกลอนบทนี้ ดิฉันไม่เห็นเป็นเรื่องการเมือง แต่ถือเป็นการวิจารณ์เรื่องกาลเทศะ
ต่อให้เป็นเรื่องการเมืองอย่างที่กล่าวหา ก็ขอให้ดูข้อเท็จจริงว่าการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต เป็นสิทธิส่วนบุคคลในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ความผิดติดตัวผู้วิจารณ์
5. การตัดสินรางวัลซีไรต์ มีพื้นฐานอยู่บนการวิพากษ์วิจารณ์และประเมินคุณค่าผลงานที่เข้ารอบโดยคณะกรรมการ ไม่เกี่ยวกับประเด็นอื่นเช่นตัวบุคคล ไม่ว่าบุคคลที่เป็นกรรมการหรือบุคคลที่ส่งงานเข้าประกวด
6. ห้องรวมพลคนอักษร ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับการตัดสินประกวดวรรณกรรมซีไรต์ นอกจากนั้น ดิฉันยังมองไม่เห็นความเกี่ยวข้องกับสมาคมภาษาและหนังสืออีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการหยิบยกขึ้นมากล่าวในที่ประชุม ให้ดิฉันเข้าใจว่าในการออกความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ในสถานที่อื่น มีความไม่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานกรรมการซีไรต์ ทำให้ดิฉันลำบากใจที่จะทำงานในหน้าที่นี้
เนื่องจากการตัดสินรางวัลซีไรต์ ควรเปิดกว้างและสร้างวัฒนธรรมแห่งการวิจารณ์ที่ดีในสังคม อันจะก่อให้เกิดความงอกงามทางความคิด และหลักการที่พึงปฏิบัติในเชิงวิจารณ์วรรณกรรม
เมื่อไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น ดิฉันจึงแจ้งต่อที่ประชุมว่า ขอลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการซีไรต์
จึงขอชี้แจงเพื่อเป็นหลักฐานข้อเท็จจริงตามนี้