วันนี้ (8 ก.ย.) ณ ห้องประชุมกระทรวงยุติธรรม 1 ชั้น 9 อาคารราชบุรีติเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ กรุงเทพมหานคร นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาและพิจารณาแนวทางการนำหลักการริบทรัพย์สินตามมูลค่ามาใช้ในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ครั้งที่ 3/2563 โดยมี นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายวิชัย ไชยมคล ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และคณะอนุกรรมการ เข้าร่วม ในการนี้ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาแนวทางการนำหลักการริบทรัพย์สินตามมูลค่มาใช้ในคดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
สำหรับการริบทรัพย์สินคดียาเสพติดของไทยในปัจจุบันเป็นการริบในรูปแบบเจาะจงตัวทรัพย์สิน เมื่อเจ้าหน้าที่พบการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พนักงานเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการสืบสวนเพื่อค้นหาและรวบรวมทรัพย์สินของผู้กระทำความผิด เช่น เงินสด รถ บ้าน ที่ดิน และให้โอกาสผู้กระทำความผิดชี้แจงที่มาของทรัพย์สิน
ถ้าชี้แจงไม่ได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวได้มาโดยสุจริตอย่างไร พนักงานอัยการก็จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ริบทรัพย์สินดังกล่าว แต่ผู้กระทำความผิดบางส่วนได้อาศัยช่องว่างทางกฎหมายโอนย้าย ชุกซ่อนทรัพย์สิน ด้วยวิธีการและรูปแบบต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ดังนั้น เพื่อเป็นการอุดช่องว่างดังกล่าว คณะอนุกรรมการจึงเห็นควรนำหลักการริบทรัพย์สินตามมูลค่า (Value-based confiscation) ซึ่งเป็นหลักการที่ยอมรับในต่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศมาปรับใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภพในการยึดทรัพย์สินนนของประเทศไทย
ด้าน นายสามารถ เปิดเผยว่า วันนี้ได้เข้าร่วมประชุมนโยบายยาเสพติดของกระทรวงยุติธรรม และได้รับเกียรติจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ให้มาเป็นวิทยากรบรรยายเรื่องการติดตามยึดทรัพย์สินจากขบวนการยาเสพติด โดยพูดถึงการปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) เน้นย้ำเรื่องการตัดวงจรยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน 88 โรงพัก และ บก.สส.น.1-9 เข้าร่วมรับฟัง ทั้งนี้ รมว.ยธ. ได้ตั้งเป้ายึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดในปีงบประมาณ 64 ใช้กฎ 10X Rule คือ มูลค่ากว่า 6,500 ล้านบาท เท่ากับงบบูรณาการที่ได้จัดสรรจากสำนักงบประมาณ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
“ดังนั้น เน้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลตัดเส้นทางการเงินใช้กฎหมายทั้ง พ.ร.บ.ยาเสพติด, พ.ร.บ.การฟอกเงิน ฯลฯ โดยที่ผ่านมา รัฐบาลในอดีตอาจมุ่งเน้นจับกุมเพียงผู้ค้ารายย่อยส่งไปบำบัดแต่ไม่ใช่รายใหญ่ เรื่องนี้รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมากเพราะหากจับกุมรายใหญ่ได้จะช่วยตัดเส้นทางการเงินลดปัญหายาเสพติดลงได้ ที่ผ่านมา จะพบว่าขบวนการยาเสพติดได้นำเงินจากการค้ายาไปฟอกในธุรกิจ ทั้ง ค้าทองคำ ค้าน้ำมัน และล่าสุด ลงทุนสกุลเงินดิจิทัล โดยกระทรวงยุติธรรมจะแก้กฎหมายเพื่อเอาผิดอาชญากรให้ถึงที่สุด”
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เน้นย้ำให้เร่งแก้ปัญหายาเสพติด อย่างเร่งด่วน เพราะเป็นภัยความเดือดร้อนของประชาชน และ กระทบต่อความมั่นคงของชาติ จึงต้องเน้นบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดให้หมดไปอย่างยั่งยืน