ศาลยกฟ้อง ประธานมูลนิธิวัดบ้านไร่ 2 เอาผิดไวยาวัจกรวัดบุไผ่ กรณีแจ้งเรื่องเท็จต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ จนถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ ขณะที่ทนายความย้ำเดินหน้าฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายและเงินบริจาคกว่า 60 ล้านบาทคืนให้แก่วัด
วันนี้ (3 ก.ย.) นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความวัดบุไผ่ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนคราชสีมา พร้อมด้วยนายวุธศักดิ์ นิยมนา ไวยาวัจกรฝ่ายการเงินวัดบุไผ่ และนายเชาวลิต เงินรวง ไวยาวัจกรฝ่ายสถานที่วัดบุไผ่ อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนคราชสีมา เดินทางมายังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก หลังศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีที่ พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ อดีตประธานวัดบ้านไร่ และประธานมูลนิธิวัดบ้านไร่ 2 ยื่นฟ้องเจ้าคณะอำเภอวังน้ำเขียว ในฐานะรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบุไผ่ เจ้าคณะตำบลไทยสามัคคี และไวยาวัจกรของวัดบุไผ่ กรณีแจ้งความร้องทุกข์เท็จต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ
โดยทนายธีรยุทธระบุว่า กรณีดังกล่าวเกิดจากข้อพิพาท การใช้พื้นที่วัดบุไผ่ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางวัดได้ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคูณองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และโบสถ์ ก่อนที่จะมีการก่อตั้งมูลนิธิวัดบ้านไร่ 2 โดย อดีตประธานมูลนิธิฯ พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ แต่กลับไม่เคยนำเงินที่ได้รับบริจาคตามตู้และเงินเข้าทำบุญเข้าบัญชีวัดแต่อย่างใด
จากนั้นทางวัดจึงได้ร้องขอความช่วยเหลือจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้สืบสวนติดตามทรัพย์สินของวัดบุไผ่คืนจากมูลนิธิฯ ซึ่งวัดบุไผ่มีหลักฐานเพียงพอในการฟ้องร้องดำเนินคดีต่ออดีตประธานวัดบ้านไร่รายนี้ โดยศาลจังหวัดนครราชสีมาได้มีคำพิพากษาว่าที่ดินทั้ง 9 แปลง และสิ่งปลูกสร้าง รูปหล่อหลวงพ่อคูณองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งหมดเป็นของวัดบุไผ่ พร้อมพิพากษาให้ขับไล่มูลนิธิวัดบ้านไร่ 2 ที่มี พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ เป็นประธานมูลนิธิฯ ออกไปจากที่ดินของวัดบุไผ่ ซึ่งมูลนิธิฯ ยังไม่ยอมออกไป แต่ยังตั้งตู้รับบริจาคเงินจากประชาชนที่ไปเข้าชมสักการะรูปหล่อประดิษฐานหลวงพ่อคูณต่อเนื่อง
โดยในวันนี้ ตนและไวยาวัจกรวัดบุไผ่ทั้งสองรายได้เดินทางเข้ารับฟังคำพิพากษาหลัง พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลเอาผิดกรณี ทางวัดได้แจ้งเรื่องเท็จต่อดีเอสไอ ซึ่งศาลพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง อย่างไรก็ตามแม้ศาลพิพากษายกฟ้อง แต่อดีตประธานวัดบ้านไร่ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อได้ ซึ่งทางวัดจะดำเนินการฟ้องร้องค่าเสียหาย และเรียกเงินที่มูลนิธิฯ ได้รับไปอีกกว่า 60 ล้านบาท กลับคืนให้แก่วัด แม้ทาง พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์จะกล่าวต่อศาลว่าจะไม่คืนจำนวนเงินดังกล่าวก็ตาม
ขณะที่นายวุธศักดิ์ นิยมนา ไวยาวัจกรฝ่ายการเงินวัดบุไผ่ เปิดเผยภายหลังตกเป็นจำเลยในคดีนี้ ยืนยันเชื่อเรื่องบาปบุญ ย้ำตนเองเป็นผู้ใกล้ชิดกับหลวงพ่อและทราบถึงเจตนารมณ์ แต่ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2558 ภายหลัง พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ได้เข้ามาก่อตั้งมูลนิธิดังกล่าว เงินที่ได้รับบริจาคตามตู้ หรือเงินที่ประชาชนร่วมทำบุญ ไม่เคยถูกนำเข้าบัญชีของทางวัด อีกทั้งตนเองยังถูกไล่ออกจากวัดอีกด้วย
