สะพัดวงการบล็อกเกอร์ ใครถ่ายภาพในอุทยานแห่งชาติฯ ถ้าไม่ได้ขออนุญาตก่อน เผยแพร่ย้อนหลังถูกแจ้งความ พบเพจท่องเที่ยวรายหนึ่ง พยายามขออนุญาตถูกต้อง กลับถูกโยนกันไปมากับกรมป่าไม้ ระบบช้าและยุ่งยาก
วันนี้ (21 ส.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในโซเชียลมีเดียได้แชร์และแสดงความคิดเห็นเฟซบุ๊กเจ้าของเพจท่องเที่ยวรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความบอกเล่าเรื่องราวการโทรศัพท์ติดต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อทำหนังสืออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ในเขตอุทยานฯ แต่พบว่าเจ้าหน้าที่ปลายสายไม่ทราบเรื่อง และให้ไปติดต่อที่กรมป่าไม้ เพราะคนละส่วนกัน
เมื่อถามว่า ถ้าจะไปอุทยานแห่งชาติ ที่ขึ้นตรงกับกรมอุทยานฯ ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ปลายสายกล่าวว่า มีหนังสือขออนุญาต ถ้ามีโดรนก็มีหนังสือขึ้นทะเบียน มีสำเนาบัตรประชาชน หนังสือรับรองบริษัท ถ้าไม่ได้มาเองก็มีหนังสือมอบอำนาจ
เมื่อถามว่า ถ้าทำเพจท่องเที่ยว ต้องการเข้าไปถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ เพื่อรีวิวในเพจ ต้องขออนุญาตก่อนถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ได้ขออนุญาตก่อน ทางกรมอุทยานมีบทลงโทษอย่างไรบ้าง ปลายสายตอบว่า ถ้าไม่ได้ขออนุญาต กรมอุทยานฯ ตรวจสอบ เจอย้อนหลังก็จะต้องแจ้งความดำเนินคดี ส่วนค่าปรับต้องดูอีกที
จากนั้น เจ้าของเพจท่องเที่ยว ได้โทรศัพท์ไปที่กรมป่าไม้ เพื่อสอบถามว่า ถ่ายทำภาพยนตร์ลงเพจท่องเที่ยว ต้องเตรียมเอกสารเพื่อทำหนังสืออนุญาตอย่างไรบ้าง ปลายสายตอบว่า สถานที่ดังกล่าว อยู่ในการดูแลของกรมอุทยานฯ
เมื่อถามว่า ได้สอบถามทางกรมอุทยานฯ แล้ว บอกเป็นของกรมป่าไม้ ปลายสายเรียกเจ้าหน้าที่อีกคน ตอบว่า ทำเรื่องไปที่กรมป่าไม้เขต แล้วทางนั้นจะส่งมาที่กรมป่าไม้กลาง เพื่อให้อธิบดีเซ็นอนุมัติ ใช้ประมาณเวลา 2 สัปดาห์
“อยากทำให้มันถูกต้อง แต่ระบบบ้านเรานี่มันช้า และยุ่งยากจัง กว่าจะได้ข้อมูล สักครู่จนเหนื่อย ส่วนในการใช้คำว่า “ภาพยนตร์” หมายถึงทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ไลฟ์ต่างๆ ถ้าไม่ใช่นักท่องเที่ยวทั่วไปที่ถ่ายลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ต้องขออนุญาตหมด ไม่งั้นโดนดำเนินคดีได้” เจ้าของเพจท่องเที่ยว ระบุ
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
นอกจากนี้ ยังกล่าวอีกว่า ล่าสุด คุยกับสำนักจัดการทรัพยากรเขต ที่กรมป่าไม้กลางให้ติดต่อ ทางนั้นก็บอกให้ติดต่อกรมป่าไม้ตรงเลย เดี๋ยวอธิบดีเซ็นลงมา เราก็บอกทางนั้นให้ติดต่อทางนี้ พอคุยกับกรมป่าไม้อีกทีก็ให้ไปติดต่อสำนักจัดการทรัพยากรให้ออกหนังสือมา แต่ท้ายที่สุดก็คือ ต้องรออธิบดีเซ็นอนุมัติ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะอยู่หรือไม่ ถ้าติดราชการที่อื่นก็นานกว่า 2 สัปดาห์
ภายหลัง เจ้าของเพจท่องเที่ยวรายนี้ ชี้แจงว่า เรื่องที่จะขออนุญาตอุทยานฯ ไม่ได้จะทำอะไรใหญ่โต แต่เดินทางไปท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติเหมือนนักเดินทางนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ แต่กฎของกรมอุทยานฯ หากไม่ได้ถ่ายภาพเพื่อเก็บไว้ดูในครอบครัว หรือลงเฉพาะในเฟซบุ๊กส่วนตัว จะต้องขออนุญาตก่อน
คำว่าภาพยนตร์ของกรมอุทยานฯ หมายถึง ภาพนิ่ง วิดีโอ ไลฟ์ต่างๆ ที่เผยแพร่ทางเพจ ยูทูป เว็บไซต์ สื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งทางกรมอุทยานฯ สามารถแจ้งความดำเนินคดีกับเพจต่างๆ ย้อนหลังได้ หากไม่ทำเรื่องขออนุญาตให้ถูกต้องก่อน
แม้จะไปกางเต็นท์ที่เขาใหญ่แล้วถ่ายรูปรีวิวลงเพจว่า ไปกางเต็นท์มา บรรยากาศเป็นอย่างไร ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติคนละเท่าไร มีไฟ ห้องน้ำสะอาด แต่ถ้าไม่ทำเรื่องขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ก่อน ก็สามารถโดนแจ้งความย้อนหลังได้ หรือแม้กระทั่งไปเดินเขาภูกระดึง แล้วถ่าย Vlog มาลงว่าที่นี่เดินขึ้นเขากี่กิโลฯ มีกี่ซำ แค่เป็นวีดีโอเล่าเรื่อง ก็ต้องขออนุญาตก่อน ดอกกระเจียวบานแล้วที่หินงาม ถ้าจะลงเพจก็ต้องขออนุญาตก่อน
“แจ้งให้เพื่อนๆ บล็อกเกอร์ทราบโดยทั่วกัน และข้อกำหนดไม่มีบอกว่าจะย้อนหลังกี่ปี เจอเมื่อไรก็แจ้งความได้ทั้งนั้น ที่เราอยากขออนุญาตก็เพื่อทำให้ถูกต้อง และเป็นการป้องกันตัวเองอีกทาง เราคุยกันในทีมว่า จ่ายตอนขอดีกว่าจ่ายตอนโดนปรับ แต่ที่เราค่อนข้างไม่เข้าใจ คือ ทำไมแม้แต่เจ้าหน้าที่เอง ยังไม่ทราบรายละเอียดข้อมูลต่างๆ โยนกันไปโยนกันมา” เจ้าของเพจท่องเที่ยว ระบุ
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ที่ผ่านมากรมอุทยานฯ ได้ดำเนินคดีกับผู้ที่ผลิตรายการโทรทัศน์และวิดีโอคอนเทนต์ ที่เข้าไปถ่ายทำในอุทยานแห่งชาติ เช่น กรณีที่ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี ดารานักแสดงชื่อดังไปถ่ายทำรายการเนวิเกเตอร์ ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว (ทุ่งกะมัง) อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ แล้วถูกหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ แจ้งจับดำเนินคดี
หรือจะเป็นกรณีที่ นางลีนา จังจรรจา นักการเมืองที่ผันตัวมาเป็นคนทำวิดีโอคลิป ทำคลิปล้อเลียนภารกิจช่วยชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมี ภายในถ้ำพระยานคร ในพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปรากฏว่า ถูกหัวหน้าอุทยานฯ แจ้งความดำเนินคดีฐานลักลอบถ่ายทำภาพยนตร์ในเขตอุทยานฯ ส่งเสียงรบกวน และขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
ก่อนหน้านี้ สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานฯ ได้แนะนำขั้นตอนขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ในอุทยานแห่งชาติ โดยเตรียมเอกสารประกอบการถ่ายทำภาพยนตร์ในเขตอุทยานแห่งชาติ ได้แก่ 1. คำขออนุญาต 2. สำเนาบัตรประชาชน 3. กรณีนิติบุคคลมีสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัทพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องของผู้มีอำนาจดำเนินการ
4. เรื่องย่อบท 5. กรณีภาพยนตร์ต่างประเทศมีหนังสือจากกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ กรมการท่องเที่ยว 6. กรณีสร้างฉากมีหนังสือค้ำประกัน 7. กรณีนำสัตว์เข้าประกอบการถ่ายทำ ให้นำภาพถ่ายของสัตว์ หนังสือตรวจสุขภาพสัตว์ และตั๋วรูปพรรณสัตว์มาด้วย
ขั้นตอนการขออนุญาต 1. ยื่นเอกสาร โดยจัดเตรียมเอกสารประกอบการขออนุญาต 2. เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสาร 3. พิจารณาอนุญาต โดยอธิบดีฯ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย 4. แจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ได้รับอนุญาต ชำระค่าธรรมเนียม ก่อนเข้าดำเนินการถ่ายทำภาพยนตร์ 5. ผู้ขออนุญาตดำเนินการถ่ายทำภาพยนตร์ พร้อมทั้งปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมาย
สำหรับการประสานงาน ติดต่อส่วนจัดการทรัพยากร ฝ่ายอนุญาตและกิจการพิเศษ โทรศัพท์ 0-2561-0777 ต่อ 1770