“หมอแล็บแพนด้า” เผยสาเหตุที่กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ HIV ไม่ควรบริจาคเลือด แม้จะมีเครื่องตรวจหาเชื้อดีที่สุดในโลกก็ยังมีข้อจำกัด วอน เห็นใจผู้รับบริจาคเลือดที่ต้องมาเสี่ยงติดเชื้อ ย้ำ กลุ่มเสี่ยง เยสด กินยาต้าน ไม่ควรบริจาคเลือดให้ใคร
จากกรณีโลกออนไลน์ได้ออกมาแฉว่า มีผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งไปบริจาคโลหิต โดยรับประทานยาที่ใช้ในการป้องกันเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสโรค หรือ เพร็พ (PrEP) มาโดยตลอด เจ้าตัวอ้างว่ากินยาเพร็พมา 4 ปี ไม่มีผล แถมตรวจค่าไตให้ฟรี ซึ่งพบว่าเจ้าตัวมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยบ่อยครั้ง และมีการถ่ายวิดีโอคลิปเพื่อขายกันในกลุ่มไลน์ โดยคิดค่าสมาชิกแรกเข้า 200 บาท และรายเดือน 100 บาทต่อเดือนอีกด้วย กลายเป็นที่สะเทือนใจแก่ผู้พบเห็น อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สภากาชาดไทยทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว กำลังตรวจสอบก่อนจะมีแถลงการณ์ เพราะถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและมีผลกระทบอย่างมาก
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 19 ส.ค. เพจดังอย่าง “หมอแล็บแพนด้า” ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว โดยได้ระบุข้อความว่า
“ทำไมคนชอบเยสด หรือกินยาต้านเอชไอวีจึงไม่ควรบริจาคเลือด
หลายคนคงจะมีข้อสงสัยกันว่า เลือดที่เอาไปให้ผู้ป่วยไม่มีการตรวจหาเชื้อเอชไอวีก่อนรึไง ใครจะเยสด ไปเสี่ยงมา กินยาต้านอยู่ หรือมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่สามีภรรยาตัวเอง ก็ปล่อยให้เขาบริจาคไปสิ ห้ามทำไม
เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังครับ จริงอยู่ ก่อนที่จะให้เลือดแก่ผู้ป่วย ทางห้องแล็บจะมีการตรวจหาเชื้อเอชไอวีทุกถุง ไม่เว้นแม้แต่ถุงเดียว ตอนนี้วิธีที่ดีที่สุดในโลกที่บ้านเราใช้อยู่ ณ ปัจจุบัน ก็คือการตรวจหาดีเอ็นเอของเชื้อเอชไอวีเลย
แต่ๆๆ ถึงเราจะมีเครื่องที่ดีที่สุดในโลกมันมีข้อจำกัดอยู่ว่า เครื่องนี้จะสามารถตรวจเจอเชื้อได้เร็วที่สุดเฉลี่ยประมาณ 11 วันหลังจากเรารับเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
ผมกำลังจะบอกว่า ถ้าวันนึง ผมไปได้เสียกับคนที่มีเชื้อเอชไอวีแบบสดๆ ไม่ใส่ถุง จะได้กันทางรูไหนก็แล้วแต่ แล้วเกิดได้รับเชื้อเอชไอวีมาหมาดๆ เครื่องที่ดีที่สุดในโลกก็ตรวจไม่เจอครับ ทางการแพทย์เรียกว่าช่วง “วินโด้วพีเรียด” ที่ตรวจไม่เจอเพราะเชื้อที่เราเพิ่งได้รับเข้าไปแค่นิดเดียวจริงๆ สมมติว่าเรารับเชื้อเข้ามาแค่ 10 ตัว เครื่องจะตรวจไม่เจอและแปลผลเป็น “ลบ” เพราะเครื่องที่ดีที่สุดก็มีข้อจำกัด คือมันมีศักยภาพในการตรวจหาเชื้อในเลือดเจอที่ 20 ตัว/ซีซี ขึ้นไป
ปัจจุบันนี้ยิ่งไปใหญ่ ยาต้านไวรัสเอชไอวีมันมีประสิทธิภาพดีมาก คนที่กินยาต้านเป็นประจำ ในเลือดของเขาจะมีเชื้อไม่ถึง 20 ตัว/ซีซี เพราะยามันกดเชื้อเอาไว้ สมติว่ามีเชื้อในเลือด 10 ตัวละกัน เวลาที่เขาไปตรวจที่โรงพยาบาลผลตรวจก็เลยเป็นลบ แต่เขายังมีเชื้อในร่างกายนะ บางคนที่กินยาต้านอยู่มีความเลยเถิดถึงขนาดที่ว่าไปบริจาคโลหิต เครื่องมันก็ตรวจไม่เจอน่ะสิคร้าบ
แล้วผู้ที่ได้รับเลือดถุงนี้จะเป็นยังไงต่อ ทุกซีซีมีเลือดอยู่ 10 ตัว ถ้ารับเลือดไป 400 ซีซี ก็แสดงว่าได้รับเอชไอวีไป 4,000 ตัว เฮ้ออออออ
ตะนี้มีคนอีกกลุ่มนึงครับ อยากตรวจเอชไอวีฟรีๆ จะไปโรงบาลขอตรวจเอชไอวีก็อายเขา ก็เลยทำเนียนไปบริจาคโลหิต อะสมมติว่าเพิ่งรับเชื้อมาแค่ 2-3 วัน แบบสอบถามก่อนบริจาคโลหิตเขามีคำถามว่า คุณไปเสี่ยงมาหรือไม่ ก็เลือกที่จะตอบว่าไม่เสี่ยง พฤติกรรมแบบนี้อย่าไปทำนะครับ!!! เครื่องไหนก็ตรวจหาเชื้อไม่เจอ เพราะมันจะเจอประมาณวันที่ 11 ไงครับ แล้วเลือดคุณก็จะถูกนำไปให้เด็ก ให้ผู้ป่วยตาดำๆ สุดท้ายพวกเขาก็กลายเป็นเอดส์
อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะครับ ถ้าเรายังเยสด กินเปร๊ป กินเป๊ป หรือกินยาต้านอยู่ นั่นคือเราไม่พร้อมให้เลือดกับใคร อย่าหาทำ นอกจากเชื้อเอชไอวี ถ้าเราเยสดเราจะได้รับเชื้ออีกมากมายที่จะถ่ายทอดให้ผู้ป่วยทางเลือดได้อีกนะครับ”