เพจ “Anti-Fake News Center Thailand” นำข้อมูลจากกรมการแพทย์ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีป้องกันและเลือกใช้หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันปัญหาในผิดหน้า เนื่องจากการสวมหน้ากากเป็นเวลานาน
วันนี้ (16 ส.ค.) เพจ “Anti-Fake News Center Thailand” ได้ออกมาโพสต์ข้อความให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาของผิวหน้าที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการสวมหน้ากากอนามัย เนื่องจากต้องสวมหน้ากากอนามัยเป็นเวลานานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาที่ผิวหนังอักเสบบริเวณสายคล้องหู จึงออกมาบอกแนวทางในการแก้ปัญหาดังกล่าว โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า
“ปัญหาผิวหน้าที่อาจเกิดขึ้น เมื่อจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัย
เนื่องจากช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 หน้ากากอนามัยเป็นสิ่งจำเป็นที่เราทุกคนจะต้องใช้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่กระจายเชื้อ วิธีการใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง คือ หน้ากากอนามัยไม่ควรหลวมหรือแน่นเกินไป ควรเลือกหน้ากากอนามัยที่กระชับกับใบหน้า และครอบคลุมทุกส่วนของจมูก แก้มและคาง ไม่ควรมีการรั่วบริเวณหน้ากาก และผิวหนัง ที่สำคัญการใส่หน้ากากอนามัยใต้จมูกไม่ได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม การใส่หน้ากากอนามัยอาจก่อให้เกิดปัญหาทางโรคผิวหนังได้ เช่น ปัญหาผิวหนังอักเสบบริเวณสายคล้องหู ปัญหาผิวหน้าอักเสบเกิดจากการระคายเคือง และปัญหาสิวจากผิวที่ถูกับหน้ากากอนามัย และผดจากความร้อน เป็นต้น
ทั้งนี้ ปัญหาผิวหนังอักเสบบริเวณสายคล้องหู เป็นการระคายเคืองจากการเสียดสี และเหงื่อเช่นเดียวกับผิวหน้า ควรเลือกหน้ากากอนามัยที่กระชับพอดี ไม่รัดแน่น หรือหลวมเกินไป ปัจจุบันมีอุปกรณ์เพื่อช่วยไม่ให้สายคล้องหูรัดมากเกินไป แนะนำเลือกใช้เสริมได้
หากมีการอักเสบต่อเนื่องหรือค่อนข้างมาก ควรพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อรับยาลดการอักเสบที่เหมาะสม ส่วนปัญหาผิวหน้าอักเสบเกิดจากการระคายเคือง โดยเฉพาะเมื่อต้องใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน นอกจากนี้ อากาศร้อนก็ทำให้สภาพผิวหนังอ่อนแอลง และเกิดการระคายเคืองได้ ทั้งจากการสัมผัสเสียดสี และจากสารเคลือบหน้ากาก ไม่แนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัยแบบหลวม เพราะจะไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้
สิ่งที่ควรปฏิบัติคือ ระมัดระวังอย่าให้เหงื่อออกมาก และเปลี่ยนหน้ากากอนามัยเมื่อเริ่มเปียกชื้น แนะนำการใช้ครีมบำรุงผิวให้ผิวหน้าแข็งแรง ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ทำให้หน้าขาว เนื่องจากอาจมีส่วนประกอบที่ระคายผิว ควรเลือกครีมกันแดดกับครีมบำรุงผิวที่ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการอุดตัน”