xs
xsm
sm
md
lg

อย่าให้เหมือนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรก! วงญาติผู้นำแตกแยก คนไทยเป็นไส้ศึกให้ศัตรูของชาติ !!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค



เมื่อพระเจ้าอู่ทองทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นใน พ.ศ.๑๘๙๓ ทรงเลือกทำเลเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำ ๓ สายมา บรรจบกัน คือ เจ้าพระยา ป่าสัก และลพบุรี เป็นชัยภูมิที่ป้องกันพระนครได้อย่างดี ข้าศึกจะเข้ามาล้อมกรุงได้เฉพาะในฤดูแล้งเท่านั้น หากสร้างกำแพงพระนครให้มั่นคง ตั้งรับข้าศึกให้ได้ในช่วงฤดูแล้งเท่านั้น เมื่อน้ำมาก็จะขับไล่ศัตรูให้ต้องหนีไปเอง อีกทั้งยังเป็นจุดรวมสินค้าที่มาทางทะเล แล้วกระจายไปทั่วประเทศรวมทั้งประเทศข้างเคียง กรุงศรีอยุธยาจึง เป็นเมืองที่รุ่งเรืองที่สุดในภาคตะวันออกไกล สงบสุขร่มเย็นมาเป็นเวลาถึง ๒๑๙ ปี แต่เมื่อถึงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๑๑๒ ประวัติศาสตร์ก็ต้องบันทึกไว้ว่า ได้เสียกรุงให้แก่พม่าอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้

ความพ่ายแพ้ในสงครามครั้งนั้นไม่ใช่เพราะพระเจ้าบุเรงนองกระเดื่องเดชานุภาพ และระดมพลมามหาศาล แต่ความเหนือกว่าในสิ่งนั้นก็ไม่อาจทำลายกรุงศรีอยุธยาได้ หากเป็นเพราะเครือญาติในกลุ่มผู้นำไทยเองเกิดความแตกแยก สมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิกับพระมหินทราธิราช พระราชโอรส ไม่ลงรอยกับพระมหาธรรมราชา พระราชบุตรเขย พระมหาธรรมราชาจึงหันไปฝักไฝ่กับพระเจ้าบุเรงนอง อีกทั้งมีขุนนางไทยขายชาติ รับแผนพระเจ้ากรุงหงสาวดีมาเป็นไส้ศึกบ่อนทำลายชาติของตัวเอง
พระมหาธรรมราชาซึ่งครองเมืองพิษณุโลก แสดงท่าทีฝักใฝ่พม่าตั้งแต่หลังสงครามช้างเผือก ตั้งแต่ยอมจำนนพระเจ้าบุเรงนองที่ยกมาล้อมพิษณุโลกในครั้งนั้น โดยทรงส่งกำลังหทารไปช่วยพระเจ้าบุเรงนองล้อมเมืองเชียงใหม่ตามที่ขอมา และเมื่อครั้งพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ผู้เกรียงไกรของล้านช้าง สู่ขอพระเทพกษัตริย์ตรีพระราชธิดาพระเจ้าจักรพพรรดิ ไปเป็นพระมเหสี เพื่อต้องการเชื้อสายของวีรสตรีสมเด็จพระศรีสุริโยทัย สมเด็จพระมหาจักพรรดิซึ่งต้องการผูกมิตรเพื่อมาช่วยเสริมกำลังป้องกันการคุคามของพระเจ้าบุเรงนอง พระมหาธรรมราชาก็ส่งข่าวไปให้พระเจ้าบุเรงนองส่งทหารมาชิงตัวพระเทพกษํตริย์ตรี ซึ่งเป็นพระน้องนางของพระวิสุทธิ์กษัตรี อัครชายาของพระมหาธรรมราช นำตัวไปพม่าได้ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ทรงเสียพระทัยสละราชบัลลังก์ไปทรงผนวช ให้พระมหินทราธิราช พระราชโอรสขึ้นครองราชบัลลังก์แทน

ต่อมาพระมหาธรรมราชาเสด็จไปเฝ้าพระเจ้าบเรงนองที่กรุงหงสาวดี สมเด็จพระมหินทร์จึงเสด็จไปพิษณุโลก นำพระวิสุทธิกษัตริย์พร้อมโอรสธิดาไปกรุงศรีอยุธยา เมื่อพระมหาธรรมราชาทราบข่าวว่าลูกเมียถูกชิงตัวไป จึงขอให้พระเจ้าบุเรงนองมาตีกรุงศรีอยุธยา

พระเจ้าบุเรงนองล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่ถึง ๗ เดือน ก็ยังหักเอามิได้ ฤดูฝนก็ใกล้เข้ามาทุกทีทำให้ทรงวิตก พระมหาธรรมราชาจึงทูลว่า ที่กรุงศรีอยุธยารักษาเมืองอยู่ได้ก็เพราะมี พระยาราม เป็นหัวแรงสำคัญ ถ้ากำจัดพระยารามเสีย ก็จะชนะได้โดยง่าย และรับอาสามีหนังสือลับไปถึงพระวิสุทธิกษัตรีย์ที่ถูกยึดตัวอยู่ในเมืองว่า ถ้าพระมหินทร์ดื้อดึงรบไปก็มีแต่จะทำให้ผู้คนล้มตาย พระเจ้าหงสาวดีรับสั่งว่าเรื่องทั้งปวงที่เกิดขึ้นก็เพราะพระยารามคนเดียวที่ยุแยกให้พี่น้องแตกกัน ถ้าส่งตัวพระยารามออกมาถวายก็จะทำให้เรื่องยุติ กลับเป็นไมตรีต่อกัน พระวิสุทธิกษัตรีย์นำหนังสือไปถวายสมเด็จพระมหินทร์ ปรึกษาข้าราชการทั้งปวง ทุกคนต่างเหนื่อยหน่ายต่อการสู้รบ ส่วนพระยารามก็กราบทูลว่า ถ้าบ้านเมืองจะสงบสุขได้ด้วยวิธีนี้ ตัวเองก็จะยอมเสียสละ

สมเด็จพระมหินทร์จึงอาราธนาสมเด็จพระสังฆราชให้ออกไปเจรจาขอเป็นไมตรี พร้อมทั้งให้ข้าราชการผู้ใหญ่นำตัวพระยารามออกไปถวายพระเจ้ากรุงหงสาวดี เมื่อพระเจ้าบุเรงนองรับตัวพระยารามไปแล้วก็ปรึกษาบรรดาแม่ทัพ ต่างลงความเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาเหมือนลูกไก่อยู่ในกำมือ ถ้าจะขอสงบศึกก็ต้องยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข ให้พระเจ้าแผ่นดินออกมาถวายบังคมด้วย ซึ่งเงื่อนไขใหม่ของพระเจ้าหงสาวดีทำให้บรรดาขุนนางข้าราชการของกรุงศรีอยุธยาพากันเป็นเดือดเป็นแค้นที่พระเจ้าบุเรงนองพลิกลิ้น จึงทูลอาสาสมเด็จพระมหินทร์จะต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพราะอีกไม่ช้าน้ำเหนือก็จะบ่ามาท่วมกองทัพหงสาวดีแล้ว พระเจ้าบุเรงนองจึงยังไม่สามารถบุกเข้ากรุงศรีอยุธยาได้

พระมหาธรรมราชารับอาสาเข้าไปเกลี้ยกล่อม แต่ก็ถูกฝ่ายกรุงศรีอยุธยาระดมยิงกระเจิง เพราะไม่เชื่อถือกันอีกแล้ว ถึงตอนนี้พระเจ้าบุเรงนองจึงคิดหาเล่ห์กลทุกอย่างที่จะไม่ต้องถอยทัพกลับไปให้เสียหน้า ตัดสินพระทัยที่จะใช้กลอุบายเอาพระยาจักรีที่ได้ตัวไปในครั้งก่อนให้เป็นไส้ศึก ส่วนพระยาจักรีเห็นแก่ผลประโยชน์ที่กษัตริย์พม่าล่อใจ จึงยอมที่จะขายชาติ

พระเจ้าบุเรงนองแกล้งจองจำพระยาจักรีด้วยโซ่ตรวนไว้ประมาณ ๔-๕ วัน แล้วให้คนแอบไปปล่อยตัวกลางดึก รุ่งเช้าก็ส่งทหารออกควานหาจนทั่วเพื่อให้เรื่องหนีของพระยาจักรีอื้อฉาว เมื่อไม่ได้ตัวก็ให้นำทหารพม่ามอญ ๓๐ คนที่มีหน้าที่ควบคุมตัวพระยาจักรีไปประหาร ตัดหัวเสียบประจานไว้หน้าค่าย เป็นการยืนยันให้เรื่องนี้สมจริงยิ่งขึ้น

พระยาจักรีหนีไปถึงหน้าประตูเมืองกรุงศรีอยุธยาทั้งโซ่ตรวน สมเด็จพระมหินทร์ก็สำคัญว่าพระยาจักรีหนีพม่ามาจริง จึงพระราชทานรางวัลให้ในฐานมีความดีความชอบ และทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ป้องกันพระนครแทนพระยาราม

พอได้รับตำแหน่ง พระยาจักรีก็จัดการสับเปลี่ยนโยกย้ายหน่วยป้องกันพระนคร จนอ่อนแอไปทุกด้าน พอมีโอกาสจึงเปิดประตูเมืองให้กองทัพพระเจ้าบุเรงนองเข้าเมืองได้โดยง่าย กรุงศรีอยุธยาจึงเสียแก่พม่าหลังจากที่ถูกล้อมมาถึง ๙ เดือน และก่อนน้ำเหนือจะไหลบ่ามาถึงเพียงไม่กี่วัน

การเสียกรุงครั้งนี้ จึงปรากฏเหตุที่เด่นชัดว่า เป็นเพราะบ้านเมืองอ่อนกำลังลงเนื่องจากการเมืองแตกเป็น ๒ ขั้ว พี่น้องที่ควรสมัครสมานกลับทำลายล้างกันเอง และมีคนเห็นแก่ผลประโยชน์ของต่างชาติให้ทำลายชาติตัวเอง เหมือนกับการเมืองของบ้านเราในสมัยนี้ นักการเมืองมุ่งแต่ทำลายล้างกันเองเพื่อช่วงชิงอำนาจ ไม่ได้คิดถึงประชาชนและประเทศชาติ และยังมีอีกฝ่ายหหนึ่งปลุกปั่นให้ผู้คนที่หลงเชื่อออกมาก่อความวุ่นวาย เหมือนไม่ได้เป็นคนไทย และน่าจะมีผลประโยชน์จากต่างชาติเหมือนพระยาจักรี นี่เราจะเสียกรุงครั้งที่ ๓ กันอีกหรือ
กำลังโหลดความคิดเห็น