บทเรียนใหญ่จากไวรัสร้าย โควิด-19 คือการล็อกดาวน์ธุรกิจต้อง “ปิดให้บริการ” ส่งผลกระทบกับธุรกิจต่อเนื่องมากมาย วันนี้แม้สถานการณ์จะคลี่คลายลง รัฐบาล“ปลดล็อก” โดย “อีเวนต์” ถือเป็นธุรกิจกลุ่มสุดท้ายที่ได้รับการปลดล็อกดาวน์ เมื่อธุรกิจกลับมาขยับเขยื่อนเคลื่อนทัพจัดกิจกรรม ภายใต้เงื่อนไขมากมาย ทั้งเว้นระยะห่าง 4 ตารางเมตร(ตร.ม.)ต่อคน นั่นทำให้พื้นที่ในการทำเงินลดลง แต่ทุกคนก็ต้องปฏิบัติตามเพื่อป้องกันการระบาดซ้ำซ้อน
ท่ามกลางปัญหาอันหนักหนวงเช่นนี้ แขไข ธเนศปราโมทย์ เจ้าของเรือนไทย สุขุมวิท 50 และ เรือนไทย สุขุมวิท 16 ธุรกิจแต่งงาน หรือเวดดิ้ง สตูดิโอ (Wedding Studio) บริการจัดงานแต่งงานแบบครบวงจร เพื่ออำนวยความสะดวกสบายแก่คู่รัก จึงวางแผนเปิดสอนศิลปะต่อยอดธุรกิจสร้างรายได้เพื่อประคับประคองธุรกิจให้เดินต่อและเพื่อปากท้องของลูกน้องผู้ร่วมงาน
แขไข บอกว่า ผลกระทบของธุรกิจอีเวนต์งานแต่งงานจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มชัดเจนตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 63 ซึ่งถือเป็นช่วงที่คึกคักที่สุดของธุรกิจ เรียกง่าย ๆ ว่า งานชุก และกระทบชัดเจนมากขึ้นในเดือนมีนาคม เมื่อรัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ เหตุการณ์ส่อเค้าทวีความรุนแรงลูกค้า มีทั้ง “ยกเลิก” และ “เลื่อน” ทำให้ติดลบอย่างน้อย ๆ 50% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ในวันนี้แม้จะปลดล็อกแต่กฎเกณฑ์ก็ค่อนข้างเข้มงวด อีกทั้งลูกค้าของเรือนไทยสุขุมวิท ซึ่งมีทั้งไทยและต่างประเทศ แต่ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติซึ่งยังมีปัญหาเรื่องการเดินทาง ทำให้ต้องวางแผนปรับเรือนไทยสุขุมวิท 50 เป็นสถานที่จัดเป็นอาร์ทไดอารี่ กล่าวคือการเปิดสอนวาดรูปให้กับผู้ที่สนใจศิลปะทุกเพศทุกวัย
“จริงๆแล้วการสอนศิลปะเป็นสิ่งที่คิดมานานแล้ว เพราะธรรมชาติของการจัดงานแต่งงานของไทยส่วนใหญ่จะมีกันเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ ช่วงวันธรรมดาที่เหลือถ้าไม่มีงานประชุมก็ปล่อยว่าง ก็คิดจะทำมานานจนมาเกิดโควิด ทำให้ได้มีเวลาฟอร์มทีม เมื่อทุกอย่างพร้อมเราจึงเริ่ม การสอนศิลปะของเรือนไทยสุขุมวิท 50 จะเปิดทุกวัน วันละ 4 รอบ รอบละ 2 ชม. รวมอุปกรณ์การเรียน อาหารว่างและเครื่องดื่ม ผู้เรียนมาตัวเปล่าก็มาเรียนได้ทางเรือนไทยสุขุมวิท 50 จัดเตรียมไว้ให้ทุกอย่าง โดยจะเริ่มเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 สิงหาคมนี้”
สำหรับการเรียนการสอน จะเน้นเรื่องการวาดรูปเหมือน เพ้นท์ รองเท้า เพ้นท์ร่างกาย วาดการ์ตูนภาพเหมือน โดยมีทีมงานจากเพาะช่างมาสอน รับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เพราะมีทีมงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ ราคาครั้งละ 789 บาทรับรอบละไม่เกิน 40 คน เพื่อต้องการเว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัย เพราะห้องจุได้กว่า 150 คน
แขไข เล่าว่าที่เปิดสอนศิลปะการวาดรูปนั้น ส่วนหนึ่งเพราะตัวเธอเองก็ชอบวาดรูป ลูกสาวก็ชอบวาดรูปประกวดชนะได้รางวัลมาหลายรายการ อีกทั้งมีรุ่นน้องที่เพาะช่างมาช่วยสอนให้ “เรามองว่าศิลปะช่วยฝึกสมาธิด้วย ช่วยบำบัดจิตใจ ในภาวะอย่างนี้ หลายคนอาจจะอยากผ่อนคลายจากเรื่องว้าวุ่นหนักใจต่างๆ การได้มาพักสมองผ่อนคลายด้วยการวาดรูปสัก 2-3 ชั่วโมง อาจจะทำให้เขาสบายใจกันมากขึ้น แล้วการมาเรียนวาดรูปมันไม่ยุ่งยากวุ่นวายเหมือนกิจกรรมอื่น”
หญิงแกร่งแห่งเรือนไทยสุขุมวิท 50 ยังพูดถึงแนวทางการทำธุรกิจของเธอว่า การทำธุรกิจอีเว้นท์ ต้องมีความยืดหยุ่น ถ้าปรับเปลี่ยนยากก็อยู่รอดยากใครปรับตัวได้ง่ายก็ได้ไปต่อ ถ้าจะรอจัดงานอีเว้นท์ งานแต่ง อย่างเดิม ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเหมือนเดิม ต้องรออีกนานแค่ไหน จึงต้องปรับตัวให้รอดมีรายได้เลี้ยงพนักงาน เพราะที่ผ่านมาเธอยังจ่ายเงินเดือนพนักงานเหมือนเดิม ไม่ได้เอาใครออก ถือว่าประคับ ประคองกันไป
“โชคดีว่าเราทำธุรกิจด้วยเงินของตัวเองไม่ได้กู้ธนาคารเลย แล้วสถานที่ ทีดินก็เป็นของเราเองไม่ได้เช่า ทำให้เราไม่เครียดมาก ถ้าเช่าก็คงอยู่ลำบาก แล้วก็บริหารเองเป็นเจ้าของเอง ก็ปรับเปลี่ยนได้คล่องตัว ไม่ต้องรอการตัดสินใจจากหุ้นส่วนหรือใคร บทเรียนจากโควิดครั้งนี้สอนเลยว่า อย่าทำอะไรเกินตัว ที่สำคัญธุรกิจเมื่อทำไปนานๆธุรกิจนั้นต้องเลี้ยงเรา ไม่ใช่เราต้องทำเพื่อเลี้ยงธุรกิจ แรกๆเราเหนื่อยเราทุ่มเทให้ธุรกิจโต หลังจากนั้นเราต้องผ่อนคลายทำธุรกิจได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องเครียดแล้ว” เธอกล่าวอย่างอารมณ์ดี
สำหรับแผนงานในอนาคตนั้น เธออยากจะทำบูทีคโฮเทล โดยเอาสิ่งที่มีอยู่มาปรับปรุงพัฒนาและต่อยอด คือทำทุกอย่างที่มีอยู่ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด