น้องออย อดีตครูดอย เผยชีวิตเหล้า-บุหรี่ ไม่เคยแตะ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ป่วยพบเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย หวังอยากให้เรื่องราวชีวิตกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กำลังใจให้คนที่ท้อแท้ หรือป่วยแบบตน
เมื่อวันที่ 23 ก.ค.เพจ “มะเร็งSmile -ถึงทุกคนที่ยังอยู่-“เป็นเรื่องราวของสาวรายหนึ่ง ที่พึ่งรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย โดยเธอเล่าว่าตนเองนั้นเคยไปเป็นครูดอย ลุยป่าลุยเขามาเป็นปีๆ เหล้า บุหรี่ไม่เคยแตะ ออกกำลังกายดูแลตัวเองสม่ำเสมอ แต่กลับต้องมาเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย และหมอแจ้งว่าไม่มีทางรักษาหาย แต่จะรักษาเพื่อควบคุมและยืดเวลาชีวิตให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติที่สุด โดยอยากให้เรื่องราวของเธอเป็นอุทาหรณ์และเป็นแรงบันดาลใจให้หลายคนที่กำลังต่อสู้กับมะเร็ง หรือท้อแท้ในชีวิตให้คิดบวกและสู้เหมือนเธอ
โดยเผยเนื้อหาโพสต์ว่า “ตนเองป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย จากคนไม่เคยป่วยอะไรเลย เคยไปเป็นครูดอย ลุยป่าลุยเขามาเป็นปีๆ เหล้า บุหรี่ไม่เคยแตะ ออกกำลังกายดูแลตัวเองสม่ำเสมอ 24 มีนาคม 2563 ทราบผลว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย กระจายทั่วปอดทั้งสองข้าง ปอดเป็นจุดจนขาวไปหมดแล้ว และมีก้อนมะเร็งในปอดด้วย น้ำหนักหายไป 9 กิโล ไอ หอบ เหนื่อย ใจเต้นรัวๆ ออกซิเจนในเลือดต่ำ คุณหมอก็แอดมิทใส่เครื่องช่วยหายใจวันนั้นเลย
ตอนแรกคุณหมอจะให้คีโมเลย เพราะกลัวรักษาไม่ทัน แต่คุณหมอปรึกษากันใหม่แล้วรอผลตรวจยีนก่อน ออยเป็นมะเร็งปอดเพราะยีนส์ผิดปกติ โชคดีตรวจเจอเป้ารับยา เลยยังไม่ต้องให้คีโม คุณหมอให้ทานยามุ่งเป้าคุมมะเร็งไว้ ตอนแรกคุณหมอมะเร็งบอกว่ากินไปประมาณ 8 สัปดาห์นะ ยาถึงจะออกฤทธิ์เต็มที่ คงต้องนอนโรงพยาบาลดูอาการไปเรื่อยๆ ก่อน แต่ผ่านไป 1 สัปดาห์ ออยก็เริ่มถอดเครื่องช่วยหายใจได้ และเดินไปเข้าห้องน้ำเอง โดยที่ไม่มีอาการเหนื่อยหอบเท่าไหร่ แล้วอาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ
ครบ 1 เดือน ไม่พบอาการผิดปกติอะไรแล้ว นอกจากมีน้องมะเร็งที่ปอด คุณหมอพาลองเดินขี้นลงบันได 5 ชั้น ไม่มีเหนื่อยหอบ ทานอาหารได้ปกติ หลับนอน ขับถ่าย หายใจ ปกติทุกอย่างแล้วค่ะ เพราะน้องมะเร็งในปอดถูกยามุ่งเป้าควบคุมไว้ให้อยู่นิ่งๆ กลับไปดูแลตัวเองได้แล้ว
วินาทีแรกที่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งนั้น ใจมันหวิวไปหมด แต่ไม่ร้องไห้นะ สิ่งที่ยากที่สุดคือ การต้องบอกแม่ผ่านสายโทรศัพท์ว่าลูกเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายนะแม่ และคุณหมอสั่งงดเยี่ยม เพราะเป็นช่วงโควิด คุยกับแม่ว่าไม่ต้องห่วงนะ หมอกับพยาบาลจะดูแลเอง แม่อยู่ต่างจังหวัด รักษามะเร็งที่กรุงเทพฯ กว่าจะปรับใจกับแม่ได้ ร้องไห้หมดไปหลายกระบุงเหมือนกัน เป็นห่วงแม่แต่ทุกวันนี้แม่ก็ปรับใจได้ พูดคุยกันเหมือนเป็นเรื่องปกติตั้งแต่เริ่มรักษาจนถึงทุกวันนี้ ออยก็ยังไม่ได้เจอแม่ ด้วยความที่เราก็ต้องทำงาน และคุณหมอขอให้งดการเดินทางต่างๆ ไปก่อน ระมัดระวังเรื่องการติดเชื้อต่างๆ และคุณแม่ก็อยู่บ้านคนเดียว หน้าฝนเป็นห่วงบ้านด้วย ก็เลยตกลงกันว่าไว้ปีใหม่ค่อยเจอกันเนอะ ตอนนี้ต่างคนต่างดูแลตัวเองกันไปก่อน
ออยว่าโชคดีนะที่เราเป็นมะเร็ง เพราะทำให้เรากลับมาใส่ใจดูแลตัวเองมากขึ้น ใส่ใจกับทุกช่วงเวลาที่มีอยู่ ไม่ได้ใช้ชีวิตเรื่อยๆไปวันๆ ได้เห็นคนที่รักเรารอบกาย ได้พูดคุยจัดการอะไรหลายๆ ในชีวิต โชคดีกว่าคนที่อยู่ดีๆ เสียชีวิตปุ๊บปั๊บ ไม่ทันได้พูดได้บอกอะไรกับใครเลยน้าา
คุณหมอบอกเสมอว่า จากนี้ใช้ชีวิตให้มีความสุขนะ จริงๆ ทุกๆ วันที่เราตื่นขึ้นมา ก็เป็นกำไรชีวิตแล้ว มะเร็งแค่โรคเรื้อรังโรคนึง ไม่ได้ต่างจากเบาหวาน ความดัน ไต หัวใจ และอีกหลายๆ โรค ก็ต้องควบคุมระมัดระวังดูแลตัวเองเหมือนกัน เป็นตัวเราที่ไปให้ความพิเศษกับตัวโรคเองจนวิตกกังวลไปหมด ยังมีอีกหลายโรคที่รักษาลำบากและทรมานกว่าเรามากค่ะ เราเป็นมะเร็งไปแล้ว นั่นคือความจริงที่ต้องยอมรับ ก็เป็นไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากรักษาและดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเนอะ
ด้วยระยะของโรค คุณหมอบอกตั้งแต่วันแรกแล้ว ว่ารักษาไม่หายนะ แต่จะรักษาเพื่อควบคุมและยืดเวลาชีวิตให้เราสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติที่สุด แผนการรักษาตอนนี้ คือ ทานยามุ่งเป้าคุมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะดื้อยา ปกติก้อประมาณ 1-2 ปี ถ้าน้องมะเร็งดื้อยา ค่อยมาดูกันอีกที
รักษาผ่านมา 4 เดือนแล้ว ระบบร่างกายทุกอย่างตอนนี้ปกติดี (ถ้าไม่นับมะเร็งที่ปอดน้าา) ผล CT ปอดล่าสุด ก้อนมะเร็งมีขนาดลดลงนะคะ แทบจะลดลงครึ่งต่อครึ่งเลย แอบดีใจเหมือนกันค่ะ ตอนแรกนึกว่าจะทำได้แค่ควบคุมไม่ให้โตขึ้น เย้ๆ ฉลอง
จากนี้ใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกๆ วัน สุขกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว ถ้าใจเราสุขและปล่อยวางหลายๆ เรื่องที่แบกไว้อยู่ได้ บางทีแค่กินไข่ต้มได้สักฟอง เราก็มีความสุขแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกๆ ท่าน สู้ไปด้วยกันนะ
ออยรู้ว่ามันยากที่เราจะไม่เครียด ไม่กังวล เพราะแต่ละคนก็มีปัจจัยต่างๆ รอบตัว ปัญหา อุปสรรคที่เข้ามารบกวนจิตใจไม่เหมือนกัน ออยก็ขอเป็นพลังใจให้ทุกท่านก้าวผ่านทุกอย่างไปได้นะคะ
บางวันออยก็ยังร้องไห้อยู่นะ แต่ถ้าเราร้องไห้แล้วสบายใจ ก็ร้องไปเถอะ คนเราไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้ จริงๆปกติผู้หญิงไม่ต้องเป็นมะเร็ง ก้ออารมณ์อ่อนไหวง่ายอยู่แล้วแต่ร้องไห้แล้วต้องเช็ดน้ำตาตัวเอง ลุกขึ้นสู้ต่อนะคะ โลกใบนี้ยังมีอะไรให้เราต้องค้นหาอีกเยอะเลย..ออกไปใช้ชีวิตกันนะ
ต้องขอบคุณพลังจากทุกคนรอบกายด้วยนะคะ ทุกกำลังใจและการดูแลที่ทำให้ออยเข้มแข็งได้ในวันนี้ ขอบคุณคุณหมอ พยาบาล รพ.พระมงกุฏ ทุกๆท่านค่ะ
“วันนี้เพื่อนๆ ยิ้มให้กำลังใจตัวเองแล้วหรือยังคะ”