xs
xsm
sm
md
lg

เด็กจบใหม่เรียกเงินเดือน 40,000 เป็นไปได้ไหม? อาจารย์ถาม HR บริษัทข้ามชาติ ได้คำตอบ “ไม่มีทาง”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อาจารย์มหาวิทยาลัย ถาม HR บริษัทข้ามชาติ เป็นไปได้ไหม เด็กจบใหม่เงินเดือน 40,000 ตามที่มีคนวาดฝันในทวิตเตอร์ คำตอบคือ “ไม่มีทาง” ชี้คนที่ได้ต้องเก่งจริง แบบถ้าไม่ดึงตัวเข้ามาเสียใจแย่ ชี้เด็กจบใหม่ยุคนี้อยู่ไม่นาน เพราะไม่อดทน ไม่ยอมรับผิด ออกแบบการทำงานไม่ได้ คิดว่าเก่ง และมี Google ปล่อยไปจนงานพัง แล้วโทษบริษัทว่าไม่สอน โดนตำหนิทนไม่ได้ก็ลาออกไป

วันนี้ (24 ก.ค.) ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @teacherwarat ของ ผศ.ดร.วรัตต์ อินทสระ อาจารย์มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โพสต์ข้อความในหัวข้อ “เด็กจบใหม่จะได้เงินเดือน 40,000 บาท ได้อย่างไร?” หลังจากที่มีกระแสเคลื่อนไหวในทวิตเตอร์ วาดฝันเอาไว้ว่าถ้าบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย เรียนที่ไหนก็ได้ และจบไปก็มีงานทำด้วยเงินเดือนหลังจบใหม่ (สตาร์ท) 40,000 บาท กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ข้อความดังกล่าวมีใจความว่า เมื่อสองวันก่อนได้คุยกับเพื่อนที่เป็นฝ่ายทรัพยากรบุคคล (Human Resource หรือ HR) ในบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง โดยตำแหน่งของผู้ให้ข้อมูล อยู่ในตำแหน่งสูงในระดับที่อีกขั้นเดียวจะสูงสุดในฝ่ายทรัพยากรบุคคล ข้อมูลที่นำมาจึงเชื่อถือได้ ที่เลือกถามจากบริษัทข้ามชาติ เพราะโอกาสที่จะได้ 40,000 บาท ยังพอมี แต่ถ้าเป็นบริษัทไทย เลิกคิดว่าจะได้เงินเดือนหลังจบใหม่ตัวเลขนี้ไปได้เลย ขั้นตอนในภาพรวมของการรับสมัครงานเป็นไปตามขั้นตอนปกติ คือ เปิดรับสมัครผ่านทางสื่อต่างๆ และผ่าน Recruitment Agency ที่ผู้สมัครต้องส่งประวัติไปไว้ที่นั่น

เนื่องจากเป็นการสมัครผ่านแบบฟอร์มสมัครงานออนไลน์ (Application Form) ดังนั้น รายละเอียดต่างๆ จะสร้างไว้ให้กรอกแล้ว คนที่จะตกในขั้นตอนเอกสารทันที คือ “กรอกไม่ครบถ้วน” ตรงไหนที่ไม่มีข้อมูล ให้ใส่เครื่องหมาย “-” ไว้ด้วย อย่าเว้นว่างไว้เฉยๆ เพราะจะถูกตีความได้สองทาง คือ “ไม่มี” กับ “ไม่กรอกลงมา” ถ้าเป็นบริษัทข้ามชาติตามเคสตัวอย่างนี้ ใบสมัครจึงต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาจึงต้องถูกต้อง ไม่มีข้อผิดพลาด อ่านรู้เรื่อง โดยเฉพาะช่องที่ต้องเขียนเพื่อแนะนำตัวเอง นอกเหนือจากกรอกในฟอร์มที่กำหนด

ถ้าผ่านขั้นตอนการคัดกรองนี้แล้ว มาถึงขั้นตอนการเรียกสัมภาษณ์ บริษัทฯ จะใช้สองวิธี คือ การส่งอีเมลไปก่อน และรอการตอบกลับ ตรงนี้สำคัญ เพราะบริษัทฯ จะดูช่วงเวลาของการตอบกลับว่าใช้เวลามากน้อยแค่ไหน และการตอบกลับใช้ภาษาในการตอบอย่างเป็นทางการหรือไม่ ผู้สมัครส่วนหนึ่งจะตกตรงนี้ คือ ตอบอีเมลกลับช้ากว่าที่บริษัทกำหนดไว้ในใจ และ ตอบกลับมาด้วยภาษาแบบไม่เป็นทางการ

เมื่อถามว่า การตอบกลับควรใช้เวลาเท่าใด ได้รับคำตอบว่า “ต้องไม่เกิน 24 ชั่วโมง ถ้าต้องทำงานจริงๆ ความรวดเร็วในการประสานงานเป็นสิ่งจำเป็น แต่บริษัทฯ ก็ยังให้โอกาส คือ ถ้าไม่ตอบกลับจะโทร.ตาม ตามเบอร์ที่ให้ไว้ ตรงนี้ก็สำคัญ ถ้าโทรไปไม่รับสาย จะรอการโทร.กลับในช่วงระยะเวลาหนึ่งเช่นกัน” สรุปว่า ถ้าไม่ตอบอีเมลใน 24 ชั่วโมง ก็ต้องโทรกลับมาที่บริษัทภายในวันนั้น อย่าข้ามวัน

ถ้าผ่านขั้นตอนการนัด วันสัมภาษณ์จะดูสองอย่างก่อน คือ 1. ตรงต่อเวลา มาก่อนเวลากี่นาที ไม่พูดถึงการมาตรงเวลา หรือมาสายเลย 2. การแต่งกาย บริษัทฯ ไม่ได้เข้มงวดเรื่องนี้มากนัก แต่งแบบ Casual (ลำลอง) ก็ได้ แต่ต้องสะอาด ทำให้เกิด First Impression (ความประทับใจเมื่อได้เห็นครั้งแรก) ไม่เว้นแม้แต่ตำแหน่งงานที่เป็น Backoffice (ส่วนปฏิบัติการหลังบ้าน) ซึ่งโดยปกติจะไม่ต้องพบลูกค้า แต่ก็ต้องพบเจอคนในแผนกอื่นอยู่ดี การแต่งกายจึงสำคัญในระดับหนึ่ง และบริษัทฯ จะมีข้อกำหนดให้แต่งกายด้วยชุดฟอร์มของบริษัทในวาระที่จำเป็นเป็นบางครั้ง

เมื่อถามว่า ถ้าไม่แต่งตามที่กำหนดได้หรือไม่ ได้รับคำตอบว่า "ระเบียบปฏิบัติ คือสิ่งที่ต้องทำตาม"

มาถึงการสัมภาษณ์ ถามตอบด้วยภาษาอังกฤษล้วนๆ มีการดูเกรดเฉลี่ย ในวิชาที่เป็นพื้นฐานสำคัญของตำแหน่งที่สมัคร แต่ที่บริษัทฯ ไม่สนใจว่าจบจากที่ไหน แต่จะดูเรื่องอื่นต่อ โดยสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษล้วนๆ มีกรรมการ 3-4 คน คำถามเกริ่นนำเป็นไปโดยปกติทั่วไป แต่ส่วนที่เน้น คือ จะถามโยงไปสู่วิธีคิด เช่น คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดแก้ปัญหา และการแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้ง ส่วนใหญ่จะตกตรงนี้ เพราะไม่สามารถยกตัวอย่างวิธีคิดต่างๆ ได้ ตรงนี้คือสิ่งที่เรียกว่าประสบการณ์ ประสบการณ์จึงไม่ได้หมายถึง ประสบการณ์จากบริษัทอื่น แต่มีประสบการณ์คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดแก้ปัญหา และคิดแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้ง อะไรมาบ้างจากกิจกรรมและชีวิตระหว่างเรียน

เมื่อถามว่า ตกสัมภาษณ์เยอะหรือไม่ ได้รับคำตอบว่า “ครึ่งต่อครึ่ง” โดยครึ่งหนึ่งที่ผ่านจะถูกเรียกสัมภาษณ์อีกครั้ง คราวนี้จะเจอกรรมการอีกชุดหนึ่ง จำนวน 3-4 คนเหมือนเดิม วิธีนี้คือการ Cross Check ภายในบริษัทกันเองว่ากระบวนการคัดเลือกได้มาตรฐานหรือไม่ สัมภาษณ์รอบสองก็จะคล้ายๆ กับรอบแรก แต่บริษัทฯ จะกำหนดสถานการณ์บางอย่างให้ตอบ ซึ่งก็เป็นสถานการณ์ที่เคยเป็นปัญหาในบริษัทฯ เพื่อดูว่าวิธีการคิดแตกต่างจากเดิมหรือไม่ และผลกระทบจากการคิดนั้นจะเป็นอย่างไร

เมื่อถามถึงเรื่องเงินเดือน ได้รับคำตอบว่า บริษัทฯ จะมีแท่งของเงินเดือนอยู่แล้วว่า ตำแหน่งนี้เงินเดือนเท่าไหร่ ถามว่า เด็กจบใหม่เรียกเงินเดือน 4 หมื่นบาทจ่ายได้หรือไม่ ได้รับคำตอบว่า “ไม่มีทาง” เงินเดือนจะขึ้นอยู่กับตำแหน่ง และ “ค่าเฉลี่ย” ที่บริษัทจัดหางานดังๆ ทำตารางไว้ เช่น เว็บไซต์ Jobs DB ประกอบกับจะพิจารณาผลตอบแทนจากการลงทุนจ้างงาน หรือ ROI (Return of Investments) ว่าสามารถทำกำไรให้กับบริษัทได้มากน้อยแค่ไหน อีกอย่าง ต้องดูคนเดิมที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันด้วย ถ้ารับเงินเดือน 35,000 บาท แต่ทำงานมาแล้ว 3 ปี จะให้เด็กจบใหม่มากกว่าได้อย่างไร

เมื่อถามว่า มีทางไหนที่เด็กจบใหม่จะได้เงินเดือนเริ่มต้นที่ 40,000 บาท ได้รับคำตอบว่า ต้องเก่งจริง แบบว่าถ้าบริษัทฯ ไม่รับเข้ามา บริษัทฯ จะต้องเสียใจ ซึ่งบอกตามตรงว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลย ไม่เคยมี ค่าเฉลี่ยของเงินเดือนเด็กจบใหม่ ในบริษัทข้ามชาติที่เป็นแหล่งข้อมูลนี้ คือ 25,000 บาท แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ซึ่งก็คือสูงสุดแล้ว แต่ก็ยังยากอยู่ดีที่จะไปถึงในเดือนแรกของการทำงาน ซึ่งเงินเดือน 40,000 บาท อาจจะได้ใน 3-4 ปี ถ้าอยู่ถึง

เมื่อถามว่า เด็กจบใหม่ทำงานนานแค่ไหน ตอบว่า ไม่นาน หลังๆ เฉลี่ยแล้วไม่เกิน 1 ปี เพราะไม่อดทนต่อการเรียนรู้ ไม่ยอมรับว่าผิด ไม่มีขั้นตอนการทำงาน เพราะบริษัทฯ จะให้แค่คำบรรยายลักษณะงาน (Job Description) แบบกว้างๆ แล้วกำหนดเวลาปิดงาน รายละเอียดต่างๆ ต้องออกแบบการทำงานเอง แต่ทำไม่ได้ ทำไม่ได้ก็ไม่ถาม ไถงานไปจนพัง เพราะคิดว่าเก่ง คิดว่ามีกูเกิลในมือถือ คิดว่าถามคนเก่าๆ จะไปได้เรื่องอะไร แต่คนเก่าประสบการณ์สูง แม้จะดูไม่ทันสมัย ใช้เทคโนโลยีไม่แคล่วคล่อง แต่ประสบการณ์คือตัวที่ทำให้จบงานได้โดยไม่มีปัญหา ทีนี้พองานพัง โดนตำหนิก็ทนไม่ได้ ลาออกเลย แล้วก็มาบ่นว่าบริษัทฯ ไม่สอนงาน ทั้งที่บริษัทฯ ก็สอนงาน แต่จะสอนแบบนักศึกษาไม่ได้ ต้องมองให้รอบว่าใครจะช่วยงานได้บ้าง หัวหน้างานบางคนสอนไม่เก่ง แต่ลงมือทำให้ดูเลย หัวหน้างานบางคนสอนเก่ง แต่ต้องไปประยุกต์ใช้ในการลงมือทำเอง

เมื่อให้สรุปสั้นๆ ว่าถ้าจะได้เงินเดือนเริ่มต้นสำหรับเด็กจบใหม่ 40,000 บาท ระบุว่า มีอยู่ 3 ประการ คือ 1. เป็นคนที่บริษัทฯ ต้องการหรือไม่ 2. เข้ามาแล้วพร้อมจะเรียนรู้และอยู่ในวัฒนธรรมองค์กรหรือไม่ 3. เข้าใจเรื่องประสบการณ์ของคนที่มาก่อนหรือไม่ 4. มีอัตตา (Ego) เยอะอยู่หรือไม่ และ 5 มีบริษัทฯ อื่นให้เงินเดือน 40,000 บาทหรือไม่



ภาพจากรายการ เนชั่นทันข่าว 20 ก.ค. 2563

ภาพจากรายการ เนชั่นทันข่าว 20 ก.ค. 2563
กำลังโหลดความคิดเห็น