“พล.ต.ท.อำนวย” โพสต์ถาม ตำรวจมีไว้ทำไมหลังปล่อยกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายหมอ-พยาบาล

อดีต ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน โพสต์เฟซบุ๊กถามหาเจ้าหน้าที่ตำรวจหายไปไหน ปล่อยให้กลุ่มอันธพาลเข้าทำร้ายบุคลากรทางการแพทย์ใน จ.สมุทรปราการ ทำตัวไม่สมกับคำว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ระบุ สักวันคงบุกเข้าไปทำร้ายผู้กำกับ

จากกรณีเหตุการณ์วัยรุ่นสำโรง จ.สมุทรปราการ ก่อเหตุทะเลาะวิวาท มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ถูกแทงถูกนำตัวส่ง รพ.วิภารามชัยปราการ แต่แพทย์ยื้อชีวิตไม่ได้ เพราะเสียชีวิตก่อนถึง รพ. ทำให้วัยรุ่นที่อ้างตัวเป็นเพื่อนไม่พอใจ เข้าทำร้ายหมอและเวรเปล และทราบอีกว่าฝ่ายคู่อริก็บาดเจ็บ เข้ารักษา รพ.เมืองสมุทรปู่เจ้า จึงยกพวกตามไปบุกเข้าห้องฉุกเฉิน ทำลายอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์เสียหาย โต๊ะเก้าอี้กระจัดกระจายเกลื่อนห้องซ้ำอีก

ต่อมา นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยวัยรุ่นบุกทำร้ายแพทย์-พยาบาลในโรงพยาบาล จ.สมุทรปราการ อัยการจ่อฟ้องลงโทษสถานหนักแน่ ยกคดีโจ๋ทำร้ายกันห้องฉุกเฉิน ศาลไม่รอลงอาญา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมกลุ่มวัยรุ่นผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมดแล้วรวม 11 คน ซึ่งในจำนวนนั้นมี นายภาณุวัฒน์ หรือ กั๊ก สุขแย้ม นายนิพน หรือ มิน วันชม และ นายกานต์ หรือ ออม แสงชัย ปรากฏตัวในคลิปวงจรปิดทั้ง 2 โรงพยาบาลคือ รพ.วิภารามชัยปราการ กับ รพ.เมืองสมุทรปู่เจ้า โดยผู้เสียหายชี้ตัวว่า นายภาณุวัฒน์ เป็นคนลงมือทำร้ายบุคลากรทางการแพทย์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ดำเนินคดี 4 ข้อหาหนัก คือ ร่วมกันชุลมุนต่อสู้เป็นเหตุให้มีคนตายและบาดเจ็บ บุกรุกในสถานพยาบาลยามวิกาล ทำให้เสียทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้อื่น

โดยในวันนี้ (20 ก.ค.) พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 โพสต์เฟซบุ๊ก “พลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน” กล่าวถึงเหตุการณ์อุกอาจของกลุ่มวัยรุ่นในจังหวัดสมุทรปราการ โดยได้ระบุข้อความว่า

“รุมตื้บหมอ-พยาบาล กลางห้องฉุกเฉิน โวยช่วยเพื่อนช้าจนตายก่อนยกพวกตีกัน เห็นพาดหัวข่าวไทยรัฐออนไลน์นี้แล้ว อดไม่ได้ที่จะเข้าไปอ่าน แต่พอได้อ่านทั้งๆ ที่ตัวดำๆ แต่หน้ากลับแดง (เข้าใจว่า) เพราะเลือดฉีดขึ้นหน้าจนรู้สึกร้อนผ่าว ซึ่งตามเหตุการณ์วัยรุ่นที่ยกพวกตีกันเป็นแก๊งวัยรุ่นแถบจังหวัดสมุทรปราการ มีชื่อแก๊งเป็นภาษาจีนสองแก๊ง ทำให้นึกถึงข้อหา “อั้งยี่” “ซ่องโจร” ซึ่งเป็นกฎหมายที่ยังใช้อยู่ ตอนผมจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจมาใหม่ๆ ก็ได้ทำสำนวนข้อหา “ซ่องโจร” อยู่บ้างแหละ!! แต่ข้อหาอั้งยี่ ไม่ค่อยได้ทำ จนถึงตอนจะเกษียณทั้งสองข้อหา ไม่มีให้ทำแล้ว เพราะแก๊งก๊วนประเภทนี้มันสูญพันธุ์ไปแล้ว

คงต้องขอบใจตำรวจสมุทรปราการที่ยังอุตส่าห์อนุรักษ์สิ่งนี้ไว้ให้ชนรุ่นหลังได้สัมผัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณหมอ (เป็นผู้หญิง) และพยาบาลของทาง รพ.วิภารามชัยปราการ ที่ถูกแก๊งนี้บุกเข้าไปทำร้ายถึงห้องทำงานใน รพ. ทำลายข้าวของใน รพ.เสียหายยับเยิน จากนั้นก็กรีธาทัพไปยัง รพ.เมืองสมุทรปู่เจ้า ซึ่งได้ข่าวว่า คู่อริรักษาตัวอยู่ ตีกันไปตีกันมา โดยที่ตำรวจทราบเหตุมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ตีกันครั้งแรกตอนห้าโมง หกโมงเย็นแล้ว เพราะเมื่อแต่ละฝ่ายได้รับบาดเจ็บก็แยกย้ายกันไปรักษาตัวคนละ รพ. กัน ซึ่งตอนนี้มีตำรวจ 2 นาย (เข้าใจว่าเป็นสายตรวจ สน.สำโรงใต้) ตามไปดูอาการที่ รพ. ด้วย ภายหลังจากนั้นสองแก๊งนี้ยกพวกตีกันไปมาระหว่างสอง รพ. ซึ่งแค่นั้นยังไม่พอ แก๊งที่ไม่พอใจที่เพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์เสียชีวิตจึงรุมทำร้ายหมอ พยาบาล และข้าวของ รพ. เสียหายเป็นจุลดังกล่าวแล้ว ขอถามว่า
“ตำรวจหายไปไหน”“บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน”
ให้สมกับคำว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”
ต้องทำอย่างไร

บ้านเมืองต้องมีขื่อ มีแป

กระผมในฐานะอดีตตำรวจ และ ในฐานะเป็นผู้บัญชาตำรวจภูธรภาค ๑ ซึ่ง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นหนึ่งในเก้าจังหวัดในปกครอง รู้สึกสลด หดหู่ใจ และเกิดคำถามขึ้นในใจตัวเองว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ จะ “มีตำรวจไว้ทำไม” ตำรวจหายไปไหน? ทำไมปล่อยให้อันธพาลครองเมืองได้ถึงขนาดนี้ อย่ามาอ้างว่าไม่ได้รับแจ้งเหตุอีกนะ!!! เพราะตำรวจสายตรวจตามไปดูคนเจ็บที่ รพ. ตั้งแต่รอบแรกแล้ว การสืบสวน สอบสวน ป้องกันปราบปราม การใช้ศาสตร์ และศิลป์ วิชาเทพ วิชามาร เข้าด้วย เพื่อจัดการกับปัญหาทำนองนี้ ตามที่ร่ำเรียนมาก็ดี จากประสบการณ์ที่สั่งสมสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเอาไปไหนหมด ทำไมไม่เอามาใช้? ทำกันอย่างไร? ตำรวจระดับผู้ปฏิบัติการหายไปไหน? ตำรวจระดับผู้บริหารมัวทำอะไรกันอยู่? ปล่อยให้แก๊งอันธพาลครองเมือง ระวังให้ดีเถอะสักวันหนึ่งมันคงยกพวกมาตีกันที่โรงพัก และบุกเข้าไปทำร้ายผู้กำกับ ทำนองเดียวกับที่ไปทำร้ายหมอ ให้ได้เห็นกัน ใครจะเป็นอย่างไรกระผมไม่ทราบ แต่กระผมอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแล้วครับ”