วันนี้ (5 ก.ค.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานีเพาะชำกล้าไม้ จ.เพชรบุรี หลังจากทราบว่า ประชาชนตื่นตัวในการปลูกต้นไม้ และแห่ขอรับกล้าไม้ตามสถานีเพาะชำกล้าไม้ ของกรมป่าไม้ทั่วประเทศ และรับฟังรายงานการดำเนินการเตรียมความพร้อมในการผลิตกล้าไม้ของกรมป่าไม้ โดยกรมป่าไม้ได้เตรียมผลิตกล้าไม้พันธุ์ดีเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ถึง 79.9 ล้านกล้า เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนตามหน่วยบริการกล้าไม้ของกรมป่าไม้ 197 แห่ง ที่ตั้งอยู่ใน 75 จังหวัดทั่วประเทศ โดยนับตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย. 63 ที่เปิดให้ประชาชนมาขอรับกล้าไม้ และรับบัตรจองคิวรับกล้าไม้ เพื่อลดความแออัดตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ระยะเวลากว่า 40 วัน มีประชาชนขอรับกล้าไม้ทั้งหมดจำนวนกว่า 49,859 ราย กล้าไม้ที่แจกจ่ายออกไปแล้วมากกว่า 3.74 ล้านกล้า จากการรวบรวมสถิติการขอรับกล้าไม้ทั่วประเทศพบว่ากล้าไม้ 10 อันดับที่ประชาชนขอรับมากที่สุด คือ พะยูง สัก มะค่าโมง ประดู่ป่า ยูคาลิปตัส ตะเคียนทอง ยางนา มะฮอกกานี สะเดา ราชพฤกษ์ ซึ่งไม้ส่วนใหญ่เป็นไม้มีค่าทางเศรษฐกิจตามที่ได้รับการปลดล็อกตามมาตรา 7
นายวราวุธ กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่เห็นประชาชนเกิดความตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรป่าไม้ ที่จะต้องช่วยกันดูแลเพื่อส่งต่อให้กับลูกหลานในอนาคต โดยมีการร่วมกันปลูกต้นไม้ตามสถานที่ต่างๆ มากมาย และสนใจมาขอรับกล้าไม้ของกรมป่าไม้กันเป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปปลูกในที่ดินกรรมสิทธิ์ของตนเอง และได้มอบให้กรมป่าไม้ติดตามกล้าไม้ที่ประชาชนขอรับไปปลูกว่าต้นไม้รอดตายหรือไม่ มีการเจริญเติบโตมากน้อยเพียงไร และเจ้าหน้าที่จะได้ให้คำแนะนำในการบำรุงดูแลต้นไม้ที่ปลูกให้เจริญเติบโตเป็นไม้มีค่าช่วยสร้างรายได้ให้กับครัวเรือนในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีความห่วงใยประชาชนที่เดินทางมาขอรับกล้าไม้ ซึ่งอาจทำให้กล้าไม้ที่แจกมีจำนวนไม่เพียงพอต่อความต้องการในการเดินทางเข้ามาขอรับ นอกจากนี้ ได้มอบต้นมะริดให้กับประชาชน ซึ่งเป็นต้นไม้ถิ่นของทางภาคใต้หายากและใกล้สูญพันธุ์
ด้าน นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมว่า รมว.ทส. มีความเป็นห่วงการแจกจ่ายกล้าไม้ให้กับประชาชน พร้อมทั้งกำชับให้กรมป่าไม้ควบคุมคุณภาพกล้าไม้ จึงได้มีข้อสั่งการในเรื่องกล้าไม้ที่แจกนั้น ต้องเป็นกล้าไม้ที่มีคุณภาพ มีความแข็งแรง และขนาดที่เหมาะสมที่จะแจกจ่ายให้กับประชาชนนำไปปลูก พร้อมทั้งให้เร่งวางแผนในการเพาะชำกล้าไม้เพิ่มขึ้น เพื่อตอบรับกับความต้องการและเป็นการแก้ไขปัญหาความต้องการกล้าไม้ของประชาชนที่เดินทางมาขอรับกล้าไม้ แต่ไม่ได้รับกล้าไม้กลับไป โดยตนก็ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้อำนวยความสะดวกกับประชาชนให้มากที่สุด และจัดระเบียบการเดินทางเข้ามาขอรับกล้าไม้เพื่อให้เกิดความประทับใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งกรมป่าไม้ขอเชิญชวนประชาชนที่ปลูกต้นไม้แล้วมาร่วมลงทะเบียนในโครงการ “รวมใจไทย ปลูกต้นไม้ เพื่อแผ่นดิน” สืบสานสู่ 100 ล้านต้น ผ่านเว็บไซต์ https://plant.forest.go.th ซึ่งในอนาคตจะทำให้ประเทศไทยมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น ซึ่งในขณะนี้มีประชาชนที่ร่วมลงทะเบียนปลูกต้นไม้ไปแล้วมากกว่า 17.16 ล้านต้น