เพจ “ทำไมถึงเจ๊ง” เผยสาเหตุของแม่ค้ารายหนึ่งที่ลงทุนกว่า 7 แสนบาทซื้อน้ำยาทำความสะอาด กักตุนสินค้าขายช่วงโควิด-19 สุดท้ายขายไม่ออกยอมปล่อยของราคาต่ำกว่าต้นทุน ชี้ โควิดในไทยไม่ระบาดยาวนานมากอย่างที่คิด
จากกรณีหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ เคยเป็นสินค้าที่มีความต้องการอย่างมาก ถึงขั้นสินค้าขาดตลาด และเป็นของหายาก ผลจากความตื่นตระหนกหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และรัฐบาลได้ออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อรับมือ ขณะนี้สถานการณ์การระบาดเริ่มคลี่คลายลง ประชาชนก็เริ่มหาซื้อหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ ได้ตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ ที่มีสินค้ามาจำหน่ายในราคาย่อมเยา
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เพจ “ทำไมถึงเจ๊ง” โพสต์เรื่องราวของแม่ค้าคนหนึ่ง ที่ลงทุนซื้อน้ำยาทำความสะอาดยี่ห้อหนึ่ง โดยกู้เงินลงทุนไป 7 แสนบาท ต้องเอามาขายขาดทุนเพื่อหาเงินไปใช้หนี้ ซึ่งก่อนหน้าช่วงไวรัสระบาดพบว่าสินค้าดังกล่าวเป็นที่ต้องการในตลาดอย่างมาก และมีการขายโก่งราคาขึ้นไปหลายเท่าตัว โดยผู้โพสต์ระบุว่า “ปัจจัยที่เกี่ยวข้องมีดังนี้
1. สั่งของล็อตใหญ่เกินไป การสั่งสินค้าจำนวนมากโดยไม่ได้เป็นผู้ขายมืออาชีพหรือมีช่องทางการจัดจำหน่ายเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่สามารถระบายของจำนวนมากออกได้ทัน
2. สินค้ามาช้า พ่อค้าท่านอื่นก็สั่งและนำเข้ามาจากต่างประเทศซึ่งในไทยมีมาตรการ และต่างประเทศก็มีมาตรการส่งผลให้ระยะเวลาการมาถึงของสินค้าล่าช้าและไม่แน่นอน
3. โควิดในไทยไม่ระบาดยาวนานมากอย่างที่คิด เมื่อ demand ลด แต่ซัปพลายล้น จึงทำให้ประชาชนไม่มีความจำเป็นต้องรีบซื้อมากักตุนหรือเผื่อไว้ใช้
4. ซื้อจำนวนมากเพื่อให้ได้ราคาที่ถูกที่สุดต่อหน่วย หลักการนี้จริงๆ ก็ใช้ได้ แต่ต้องคิดถึง สถานที่เก็บช่องทางการจัดจำหน่ายและจำนวน รวมไปถึงช่วงระยะเวลาในการจำหน่ายด้วยว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ในการจำหน่ายให้หมด
5. ร้านยาและร้านจำหน่ายต่างๆ มีขายตามปกติแล้ว
6. ไม่มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายและกว้างมากเพียงพอในการปล่อยสินค้าจำนวนมาก
ตอนนี้ทางเจ้าของเลยลดราคา เห็นว่าต่ำกว่าทุน ก็มีหลายคนสงสารและเห็นใจ แต่ก็มีหลายท่านที่เข้าไปตำหนิ เพราะช่วงสถานการณ์ที่ประชาชนต้องการใช้ไม่มีสินค้าจำหน่าย ส่วนนึงก็เพราะบรรดาพ่อค้าแม่ค้าทำการกักตุนสินค้า
ซึ่งไม่ว่าจะผลิตในประเทศหรือต่างจากต่างประเทศก็ตาม มันส่งผลให้หลายคนหาซื้อสินค้าได้ลำบากและซื้อในราคาที่สูงกว่าปกติ”
