หัวหน้ากลุ่มงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แฉรายการผีดังอ้างพบวิญญาณแม่ลูกตาย เพราะโดนเจดีย์ที่พม่ายิงปืนใหญ่หักทับจนตาย บิดเบือนประวัติศาสตร์ โดยคนรักอยุธยาขอประณาม ล่าสุด ทางอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ส่งหนังสือเตือนแล้ว
กลายเป็นประเด็นดรามาหลังรายการผีชื่อดังช่องหนึ่ง ได้ไปถ่ายทำรายการที่ “วัดกุฎีดาว” จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมอ้างมีการพบกับวิญญาณแม่ลูกที่เสียชีวิต เพราะถูกเจดีย์ถล่มทับ เนื่องจากถูกปืนใหญ่ของกองทัพพม่า อีกทั้งยังมีการกล่าวอ้างว่าเจดีย์ดังกล่าวนั้น สร้างโดยพระเจ้าเอกทัศ จนทำให้แฟนรายการเกิดความเชื่อเริ่มมีการนำน้ำแดง พวงมาลัย และรถของเล่นมาเซ่นไหว้ที่จุดดังกล่าวนั้น
เมื่อวันที่ 30 พ.ค. เฟซบุ๊ก “Krissada Buarungsee” หรือ นายกฤษฎา บัวรังษี หัวหน้ากลุ่มงานท่องเที่ยวสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้โพสต์แฉ โดยระบุว่า “รายการผีรายการหนึ่ง ได้สร้างความเข้าใจผิดให้สังคมอย่างใหญ่หลวงจริงหรือเปล่า เราเอาหลักการ เหตุผล และหลักฐานที่เป็นชิ้นเป็นอันมานั่งคุยกันเลยดีกว่าครับ
นั่งอธิบายกันให้ฟังทีละประเด็นๆ พร้อมกราฟฟิคประกอบอย่างเข้าใจง่าย วันนี้ 4 ประเด็นหลัก ที่รายการอ้างว่าวิญญาณบอกเขามา
1. เขาบอกวัดกุฎีดาวสร้างในสมัยพระเจ้าเอกทัศ
2. เขาบอกว่าเจดีย์วัดกุฎีดาวถูกพม่ายิงปืนใหญ่ถล่มใส่ชาวบ้าน
3. เขาบอกว่าพระยาพลเทพตายแล้วเป็นเปรตอยู่ที่วัดครุฑธาราม
4. เขาบอกว่านายจันหนวดเขี้ยวสั่งให้ลูกชายไปหาพระเจ้าตากที่จันทบุรี
อยากให้เปิดใจรับฟังครับ
“ขอแก้ไขเพิ่มเติมโพสต์นะครับ ล่าสุด พี่ๆ น้องๆ ในอยุธยาได้ช่วยกันทำคลิปอธิบายแต่ละประเด็นที่เขาโกหกแล้วตามนี้ คลิกลิ้งโพสต์ก่อนหน้า
มันต้องพูดใจคนรักอยุธยาต้องประณามอะเอาจริงผู้หญิงที่ชื่อเรนนี่กับทีมงานทำในสิ่งที่แย่ที่สุดเคสที่มาวัดกุฎีดาว แล้วโกหกหน้าด้านๆ ว่า เห็นผีแม่ลูกยืนอยู่ตรงยอดเจดีย์ที่หักลงมา เพราะโดนปืนใหญ่พม่า แถมบอกว่าผู้สร้างวัด คือ พระเจ้าเอกทัศ สำหรับคนที่รู้จักอยุธยาจะรู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้หลอกคนทั้งประเทศแน่นอน ใช้ความเชื่อ ใช้คำว่าบุญบาปมาหากินกับประชาชน วัดกุฎีดาวอยู่นอกเกาะเมือง ไม่มีทางที่พม่าจะยิงปืนใหญ่ใส่วัดนี้ล้านเปอร์เซ็นต์ แถมมีหลักฐานชัดเจนว่าปล้องไฉนของเจดีย์เพิ่งจะหักมาไม่นานสักร้อยปีมานี่เอง โดยวัดนี้อยู่ในเขตเมืองเก่าอโยธยา สร้างมานานมาก ไม่มีทางที่จะถูกสร้างในสมัยพระเจ้าเอกทัศซึ่งเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายก่อนเสียกรุง คนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้หรือ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอะไรยังไง คนไทยมีความศรัทธากับสิ่งเหนือธรรมชาติ พอดูเข้าก็อิน จากนั้นยอดวิวในยูทูปเป็นล้านๆ คือ ยอดเงินที่เข้ากระเป๋า แถมทำวัตถุมงคลหลักหลายหมื่นบาท มาขายคนที่อินและศรัทธาอีกจำนวนมาก เรื่องอาชีพจะทำมาหากินก็ทำไป แต่มาโกหกเรื่องแบบนี้มันมากเกินไป
พอวันนี้เห็นภาพนี้ที่วัดกุฎีดาวแล้วมันหดหู่บอกไม่ถูก เพราะคำโกหกพกลมของคนพวกนั้น ทำให้คนที่เชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจเอาของพวกนี้มาตั้งแบบนี้บนโบราณวัตถุของชาติ นี่ยังไม่พึงพูดถึงประเด็นพระยาพลเทพที่เป็นเปรตซึ่งมั่วและโกหกที่สุด แถมดูถูกจิตใจคนรักพระเจ้าตากด้วยการโกหกเรื่องผู้กองคนนึงเป็นลูกชายนายจันหนวดเขี้ยว ต้องไปหาพระเจ้าตากที่จันทบุรี ทั้งที่ค่ายบางระจันแตกไปก่อนพระเจ้าตากจะตีฝ่าวงล้อมไปจันทบุรีนานโข โกหกหลอกลวงแบบไม่คิดจะอ่านประวัติศาสตร์ทำการบ้านสักนิด ทั้งที่เดี๋ยวนี้มือถือก็เสิร์ชกูเกิลได้แล้ว คำโกหกหน้าด้านๆ แบบนี้มันเหยียบย่ำโบราณสถานที่บรรพบุรุษสร้าง เหยียบย่ำองค์ความรู้ที่คนรุ่นก่อนหน้าเราใช้พลังกายพลังใจค้นคว้าข้อเท็จจริงมาหลายชั่วอายุคน นี่มันเหยียบหัวใจคนรักอยุธยาขนาดไหน
โดยระบุเพิ่มเติมว่า ภาพที่เห็นนี้ทางหน่วยงานรับผิดชอบได้ดำเนินการจัดการให้เรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. นายกฤษฎา หัวหน้ากลุ่มงานท่องเที่ยวสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้โพสต์ความคืบหน้าของกรณีดังกล่าวว่า “อัพเดตข่าวคราวกันนิดหน่อย ทางอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา หน่วยงานภายใต้กรมศิลปากร ได้ส่งหนังสือราชการไปยังรายการ เตือน 2 ฉบับ เรียบร้อย
ซึ่ง เนื้อหาสาระสำคัญคือ เตือนจากการที่รายการเคยมาถ่ายทำโดยพลการ ขัดกฎระเบียบ และต่อไปก่อนมาถ่ายทำ ต้องขออนุญาติโดยแนบไดอะล็อกบทสนทนา และรูปแบบการนำเสนอ พร้อมรูปแบบเครื่องแต่งกาย มาให้พิจารณาก่อน หากไม่ทำตาม จะเป็นการผิด พ.ร.บ.โบราณสถานฯ มีโทษถึงจำคุก และทางอุทยานฯจะดูแลสถานที่ภายใต้กรอบข้อกฎหมาย สำหรับเรื่องความเชื่อการนำสิ่งของไปสักการะ ทางนี้จะไม่ขัด แต่จะจัดสถานที่วางสิ่งของต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบให้ไม่ส่งผลเสียต่อโบราณสถาน
ทั้งนี้ ตนเองนั้น ได้ทำคลิปอธิบายบางประเด็นที่ผู้หญิงคนนั้น เคยมาโกหกจนเกิดปัญหาต่อโบราณสถานในพื้นที่เรียบร้อย และมีประชาชนร้องทุกข์หลังไมค์มาหาจำนวนมาก ที่รายการนั้นไปสร้างเอาไว้ในจังหวัดอื่น โดยตนเองยังไม่แน่ใจว่าจะอย่างไรต่อ พร้อมขอบคุณที่มีประชาชน เยาวชนจำนวนมาก เข้ามาร่วมดูแลปกป้องโบราณสถานและองค์ความรู้ ผ่านการวิพากษ์วิจารณ์ แบ่งปันข้อมูล ชี้แจงสิ่งถูกผิดกันเยอะมาก โดยหวังว่าจะเป็นโพสต์สุดท้าย เกี่ยวกับอะไรเรื่องแบบนี้ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันปกป้องอยุธยาฯ”