นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ.รพ.สิชล โพสต์ภาพผู้ป่วยชายอายุ 78 ปี ที่มาโรงพยาบาลด้วยอาการเป็นไข้ หนาวสั่น ปวดท้อง ปวดหลัง ปวดบั่นเอว นานกว่า 6 เดือน เมื่อเอกซเรย์พบ นิ่วเขากวาง นอกจากนี้ หมอรายดังกล่าวเผยถึงสาเหตุ ดื่มน้ำน้อยเกินไป และบริโภคอาหารที่มีสารก่อนิ่วในปริมาณสูงอย่างต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 27 พ.ค. เฟซบุ๊ก “Arak Wongworachat” หรือ นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เผยเคสของผู้ป่วยชายอายุ 78 ปี ที่มาโรงพยาบาลด้วยอาการเป็นไข้ หนาวสั่น ปวดท้อง ปวดหลัง ปวดบั่นเอว นานกว่า 6 เดือน เมื่อแพทย์เอกซเรย์พบ นิ่วเขากวาง โดยผู้โพสต์ระบุว่า “เคสน่าสนใจ ผู้ป่วยชายอายุ 78 ปี มาด้วยอาการเป็นไข้ หนาวสั่น ปวดท้อง ปวดหลัง ปวดบั่นเอว ทุกข์ทรมานมานานหลายเดือนกว่า 6 เดือน ซื้อยากินเองเป็นๆ หายๆ ปัสสาวะสีเข้ม ออกขุ่นบ่อยครั้ง จนเบื่ออาหารร่างกายซูบผอมลงไปมาก จึงตัดสินใจมาโรงพยาบาล แพทย์เวรตรวจร่างกายเบื้องต้น มีไข้ กดเจ็บในท้อง เคาะที่หลังด้านซ้ายจะปวดมาก จึงวินิจฉัยว่าเป็นภาวะไตติดเชื้อ รับผู้ป่วยนอนในโรงพยาบาล ให้ยาต้านเชื้อชนิดฉีดเข้าเส้น 7 วัน ให้ยาไปกินต่ออีก 7 วัน
ในขณะเดียวกัน เอกซเรย์ช่องท้อง จะเห็นเป็นก้อนสีขาว ขนาดใหญ่บริเวณตำแหน่งไตด้านซ้าย ประมาณ 8 ซม. เป็นนิ่วที่มีลักษณะคล้ายเขากวาง ตำราฝรั่งจึงเรียกว่า staghorn stone แปลเป็นไทยคือนิ่วเขากวางนั่นแหละครับ พอมาดูค่าการทำงานของไต ก็เริ่มเสื่อมลง ถ้ายังเก็บนิ่วเอาไว้ ก็มีแต่ทำให้ติดเชื้อซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปวดท้องทุกข์ทรมาน ไตเสื่อมลงไปทุกวัน จนไตวายก็เป็นอีกเรื่องของชีวิตเลยทีเดียวใครไม่เป็นก็คงไม่รู้ เมื่อรักษาภาวะติดเชื้อดีแล้ว ศัลยแพทย์ก็นัดมาผ่าตัดเอาก้อนนิ่วออก แพทย์เลือกใช้วิธีการผ่าแบบมาตรฐาน เปิดท้องด้านชายโครงซ้าย เปิดไตเอาก้อนนิ่วออก แล้วเย็บปิดแผลที่ไต ระบายเลือดไม่ให้ตกค้างในท้อง การผ่าแบบนี้ข้อดีแม้แผลอาจใหญ่นิด แต่เอานิ่วออกได้หมด ผลการผ่าตัดเรียบร้อยดี เป็นอีกโรคที่ทุกคนควรใส่ใจ จะป้องกันไม่ให้เป็นนิ่วในไตได้อย่างไร? ดื่มน้ำสะอาดมากๆ หลีกเลี่ยงอาหารที่มียูริคหรือออกซาเลต ซิครับ มีสาระสุขภาพวันละนิดจิตใจแจ่มใสครับ ใช้สิทธิ์บัตรทองได้นะ ไม่ต้องกังวล”
นอกจากนี้ แพทย์รายดังกล่าวแสดงความคิดเห็นเติมถึงสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคนิ่ว โดยระบุว่า “การตกตะกอนของสารต่างๆ จนกลายเป็นก้อนนิ่วเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น มีสารเหล่านี้ในปัสสาวะมากผิดปกติ หรือทางเดินปัสสาวะตีบแคบจากสาเหตุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตีบแต่กำเนิด หรือมีก้อนเนื้ออุดกั้น ทำให้ปัสสาวะคั่งค้างในไตและสะสมกลายเป็นก้อนนิ่วในที่สุด ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดนิ่ว ได้แก่
1. ดื่มน้ำน้อยเกินไป หรืออยู่ในภาวะขาดน้ำ
2. พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีสารก่อนิ่วในปริมาณสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้แก่ อาหารที่มีโปรตีน เกลือ และน้ำตาลสูง
3. ภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วนนั่นเอง
4. มีโรคในระบบทางเดินปัสสาวะ และระบบทางเดินอาหาร เช่น ไตอักเสบเรื้อรัง โรคหลอดเลือดในท่อไต ต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติ โรคลำไส้อักเสบ ท้องเสียเรื้อรัง โรคเกาต์
5. ปัจจัยทางพันธุกรรม คือ มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนิ่วมาก่อน”