ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชี้แจงกรณีผู้โดยสารชาวไนจีเรีย 3 คน ติดค้างอยู่ในท่าอากาศยานฯ ได้ประสานไปยังสถานทูตไนจีเรียเพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือแล้ว ขณะที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไม่พบเชื้อ
จากกรณีหนุ่มไนจีเรียที่ติดอยู่ในสนามบินประเทศไทย สาเหตุมาจากปัญหาที่เกี่ยวกับสถานการณ์ของโควิด-19 นานกว่า 2 เดือนแล้ว เพราะเนื่องด้วยยังเกิดปัญหาที่ทางประเทศไนจีเรียยังมีมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งวีซ่าเข้าไทยก็ไม่มี เพราะเป็นผู้โดยสารเพื่อมาต่อเครื่องเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้โดยสารจากไนจีเรียยังไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ต่อมาได้มีพนักงานต้อนรับจากการบินไทยใจดี นำเครื่องดื่มพร้อมอาหารไปให้กินให้กับนักท่องเที่ยวที่ตกค้าง
อ่านข่าวประกอบ : หนุ่มไนจีเรียติดอยู่ในสนามสุวรรณภูมิกว่า 2 เดือน หลังประเทศล็อกดาวน์
อ่านข่าวประกอบ : เจ้าบ้านที่ดี! สาวการบินไทยแบ่งน้ำ-อาหาร ให้ผู้โดยสารชาวไนจีเรียที่ตกค้างในสนามบิน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 พ.ค. เพจ “ประชาสัมพันธ์ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงถึงกรณีผู้โดยสารชาวไนจีเรีย จำนวน 3 คน ติดค้างอยู่ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) นานกว่า 3 เดือน เนื่องจากเที่ยวบินปลายทางถูกยกเลิกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 (COVID-19) นั้น โดยระบุว่า “ทสภ.ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบว่า ขณะนี้มีผู้โดยสารสัญชาติไนจีเรีย จำนวน 3 คน ติดค้างอยู่ภายใน ทสภ. จริง โดยผู้โดยสารชาวไนจีเรียทั้ง 3 เดินทางมาที่ ทสภ.เพื่อต่อเครื่อง โดย 2 คนได้เดินทางมาถึง ทสภ.เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2563 โดยสายการบิน Emirates เที่ยวบินที่ EK372 และมีกำหนดจะต้องต่อเครื่องของสายการบิน Lao Airlines เพื่อเดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
และอีก 1 คน เดินทางมาถึง ทสภ.เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 โดยสายการบิน Etihad Airways เที่ยวบินที่ EY402 และมีกำหนดต่อเครื่องสายการบิน Bangkok Airways เพื่อเดินทางไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (พม่า) ในวันที่ผู้โดยสารทั้ง 3 คนจะเดินทางต่อเครื่องนั้น ประเทศปลายทางได้ประกาศปิดประเทศส่งผลให้เที่ยวบินที่ผู้โดยสารจะเดินทางจึงถูกยกเลิก ทำให้ผู้โดยสารชาวไนจีเรียไม่สามารถเดินทางไปยังประเทศปลายทางได้ และเมื่อจะเดินทางกลับประเทศไนจีเรียก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากเที่ยวบินของสายการบิน Emirates และสายการบิน Etihad Airways ถูกยกเลิกเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวเช่นกัน
เนื่องจากผู้โดยสารทั้ง 3 คนไม่ได้ขอวีซ่าเข้าประเทศไทย ทางกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง (บก.ตม.2) จึงไม่สามารถอนุญาตให้ผู้โดยสารทั้ง 3 คนเข้าราชอาณาจักรไทยเพื่อพำนักรอได้ ทำให้ผู้โดยสารทั้ง 3 ต้องพักรอในพื้นที่สำหรับผู้โดยสารขาออกของ ทสภ.เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู้โดยสารที่ตกค้างดังกล่าว ฝ่ายพิธีการ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้มีการประสานไปยังสถานทูตไนจีเรียเพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือ และได้แจ้งให้สายการบินที่นำผู้โดยสารเข้ามารับผิดชอบดูแลอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ในช่วงระยะเวลาที่ผู้โดยสารรอให้มีเที่ยวบินเดินทางกลับประเทศ จากการสอบถามผู้โดยสารทั้ง 3 คนยังยืนยันความต้องการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางเดิมและไม่ขอเดินทางไปประเทศอื่น ขณะนี้ประเทศปลายทางทั้ง 2 ประเทศยังคงประกาศปิดประเทศอยู่ สายการบิน Emirates จึงได้ประสานให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารทั้ง 3 คนเพื่อเดินทางกลับประเทศไนจีเรีย
โดยกำหนดเส้นทางต่อเครื่องที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่เนื่องจากขณะนี้ทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังไม่รับผู้โดยสารต่อเครื่องทำให้ไม่สามารถที่นำพาบุคคลทั้งสามเดินทางได้ทำให้อยู่ระหว่างรอจนกว่าทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เปิดประเทศในวันที่ 4 มิถุนายน 2563
ตลอดระยะเวลาที่ผู้โดยสารทั้งสามพักรออยู่ภายในอาคารผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ทสภ.ได้ให้ความช่วยเหลือ เช่น การมอบอาหาร น้ำดื่ม และดูแลความเป็นอยู่ในเบื้องต้น นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่สายการบินได้ให้ความช่วยเหลืออยู่เป็นระยะเช่นกัน ทั้งนี้ ผู้โดยสารทั้งสามยังได้รับการดูแลด้านสุขภาพจากด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศในการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19) เป็นที่เรียบร้อย ผลตรวจของทั้ง 3 คนยืนยันว่าไม่พบเชื้อ Covid-19
ทางด้าน ทสภ.ขอเรียนให้ทราบว่าไม่ได้นิ่งนอนใจต่อกรณีที่เกิดขึ้นแต่อย่างใดโดยตระหนักถึงการให้บริการด้วยใจ ตลอดจนการดูแลสุขภาพและอนามัยของผู้โดยสาร โดยในการนี้ได้บูรณาการทำงานโดยประสานกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ตลอดจนเจ้าหน้าที่สายการบินที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันดำเนินการส่งผู้โดยสารไปยังประเทศที่ปลายทางหรือกลับประเทศไนจีเรียให้เร็วที่สุดเมื่อสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลายลง”