ผู้ว่าฯ นครปฐม หย่าศึกสาวแจกโจ๊กถูกเทศบาลยึดเอาไปแจกต่อ ออกประกาศสั่งห้ามเจ้าหน้าที่รัฐนำของบริจาคจากผู้อื่นมาแจกจ่ายเด็ดขาด แต่ให้ผู้บริจาคแจ้งศูนย์ดำรงธรรม หรือหน่วยงานท้องถิ่นล่วงหน้า 1 วัน เพื่อจัดระเบียบ กำชับสวมหน้ากากอนามัย ห่างกัน 1 เมตร
วันนี้ (21 เม.ย.) นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดนครปฐม ได้ออกประกาศจังหวัดนครปฐม ฉบับที่ 13/2563 เรื่อง มาตรการควบคุมการแพร่ของโรคติดต่ออันตราย กรณีการบริจาคสิ่งของอุปโภคบริโภค เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในท้องที่จังหวัดนครปฐม
โดยที่สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ได้แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและกว้างขวางไปหลายประเทศทั่วโลก โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2563 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 กำหนดให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ฉบับลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 เกี่ยวกับโรคดังกล่าว และจังหวัดนครปฐมยังเป็นพื้นที่เสี่ยงที่อาจมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22(7) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประกอบกับข้อ 5 ข้อ 7(1) และข้อ 11 ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ผู้ใดประสงค์จะบริจาคหรือแจกจ่ายสิ่งของอุปโภค บริโภค อาหาร หรือเงิน ให้แก่ประชาชนโดยตรงในพื้นที่จังหวัดนครปฐมให้แจ้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครปฐม หรือศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่ประสงค์จะบริจาคทราบก่อนดำเนินการ อย่างน้อย 1 วัน โดยให้แจ้งชนิดสิ่งของที่จะบริจาค จำนวนสิ่งของที่จะบริจาค และจำนวนบุคคลที่เข้าร่วมบริจาค เพื่อให้หน่วยงานราชการดังกล่าวจะได้อำนวยความสะดวกในการดำเนินการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ข้อ 2 ให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครปฐม หรือศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ได้รับแจ้งจากผู้ประสงค์จะบริจาคหรือแจกจ่ายสิ่งของตามข้อ 1 อำนวยความสะดวกในการจัดระเบียบการบริจาคและแจกจ่าย ดังนี้
2.1 ให้อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำหนดสถานที่สำหรับแจกจ่ายสิ่งของอย่างน้อยพื้นที่ละ 1 แห่ง พร้อมทั้งกำหนดช่วงระยะเวลาการดำเนินการไว้อย่างชัดเจน กรณีผู้ประสงค์จะบริจาคหรือแจกจ่ายสิ่งของอุปโภค บริโภค อาหาร หรือเงิน นอกพื้นที่ที่กำหนด ให้ดำเนินการพิจารณาอำนวยความสะดวกและจัดระเบียบตามความเหมาะสม
2.2 ให้ผู้บริจาคหรือแจกจ่ายสิ่งของอุปโภค บริโภค อาหาร หรือเงิน และผู้มารับบริจาคหรือผู้รับแจกจ่ายสิ่งของดังกล่าว สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลาที่ดำเนินกิจกรรม
2.3 จัดให้มีสถานที่สำหรับล้างมือ หรือวางเจลสำหรับล้างมือ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคในสถานที่ที่เหมาะสม รวมทั้งจัดให้มีมาตรการวัดไข้หรือวัดอุณหภูมิร่างกายผู้มารับบริจาคหรือแจกจ่ายสิ่งของอุปโภค บริโภค อาหาร หรือเงิน
2.4 จัดให้ผู้มารับบริจาคหรือแจกจ่ายสิ่งของอุปโภค บริโภค อาหาร หรือเงิน เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อยหนึ่งเมตรเพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัส หรือแพร่เชื้อโรคทางฝอยละอองน้ำลาย
2.5 ควบคุมจำนวนผู้รับบริจาคหรือแจกจ่าย มิให้แออัด หรือลดเวลาให้สั้นลงเท่าที่จำเป็น โดยถือหลักการหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน
ข้อ 3 ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนำสิ่งของของผู้มาบริจาคหรือแจกจ่าย มาดำเนินการแจกจ่ายด้วยตนเอง
ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการข้างต้น อาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
อนึ่ง สำหรับประกาศดังกล่าวออกมา หลังจากที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “เฟิร์น ปันน้ำใจ” แจกโจ๊กหมู 250 ถุง และข้าวกล่อง 50 กล่อง บริเวณหน้าพระร่วงโรจนะฤทธิ์ พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ปรากฏว่า เมื่อเย็นวันที่ 20 เม.ย. เจ้าหน้าที่เทศบาลนครนครปฐมยึดอาหารทั้งหมด อ้างว่า ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ภายหลังพบว่าเจ้าหน้าที่เทศบาลนครปฐม ได้มีการนำโจ๊กหมูที่ยึดไปดังกล่าวนำไปแจกจ่ายประชาชนตามบ้านเรือน ทำให้บรรดาชาวเน็ตไม่พอใจ กล่าวหาว่าเทศบาลชุบมือเปิบ นำไปสู่คำสั่งของผู้ว่าฯ นครปฐมฉบับดังกล่าว
อ่านประกอบ : โซเชียลรุมด่า! เทศบาลนครปฐม ยึดโจ๊กสาวใจบุญ 300 ถุง ก่อนนำไปแจกเอง (ชมคลิป)