xs
xsm
sm
md
lg

“แพทย์” ยันต้องมียาฟาวิพิราเวียร์สำรองล้านเม็ด พร้อมรับผู้ป่วยโควิด ชี้รอรับบริจาคไม่ได้ ย้ำต้องซื้อจากจีนและญี่ปุ่นครั้งละแสนเม็ด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (5 เม.ย.) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยข้อมูลผู้ป่วย COVID-19 และการดูแลของหลายประเทศ ในการแถลงข่าวว่า ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง คล้ายไข้หวัด 65% ไม่มีอาการ 20% ปอดอักเสบไม่รุนแรง 12% ปอดอักเสบรุนแรง 3% ซึ่งกลุ่มไม่มีอาการต้องสังเกตอาการในโรงพยาบาล 7 วัน จากนั้นย้ายไปที่พัก หรือโรงแรมที่จัดไว้ (Hospitel) 7 วัน, อาการไม่รุนแรงคล้ายไข้หวัด รักษาตามอาการ ก่อนย้ายไป Hospitel จนครบ 14 วัน เมื่อกลับบ้านต้องแยกตัว ส่วนกลุ่มปอดอักเสบไม่รุนแรง ให้ยาต้านไวรัส ยังไม่ให้ยาฟาวิพิราเวียร์ หากอาการไม่แย่ลง และกลุ่มปอดอักเสบรุนแรงจะได้ยาทุกตัว และต้องอยู่ใน ICU ซึ่ง 2 กลุ่มนี้จะไม่ย้ายไป Hospitel

นพ.สมศักดิ์ยืนยันว่า ยังไม่ได้รับการบริจาคยาฟาวิพิราเวียร์จากประเทศญี่ปุ่น เมื่อสอบถามพบว่าบริษัทต้องการศึกษาวิจัยทั่วโลก และให้ฟรีเฉพาะการศึกษาวิจัยคนไข้หลักร้อย ไม่ใช่ให้ผู้ป่วยทุกคน ยาดังกล่าวมีรายงานจากการรักษาว่าได้ผลจริง แต่ญี่ปุ่นต้องการศึกษาเปรียบเทียบกรณีต่างๆ อย่างชัดเจน ซึ่งไทยใช้มากที่สุดวันละ 2,000 เม็ด

นพ.สมศักดิ์กล่าวด้วยว่า กลุ่มที่ได้ยาฟาวิพิราเวียร์ 5-10 วัน โดย 10 วัน จะใช้ 70 เม็ดต่อคน หากไทยได้ยาเพิ่มอีก 200,000 เม็ด แพทย์ก็จะสบายใจขึ้น โดยพรุ่งนี้คณะผู้เชี่ยวชาญจะทบทวนแนวทางการรักษาว่าให้ยายิ่งเร็วยิ่งดี พิจารณาให้ในกลุ่มที่มีอาการปอดอักเสบแม้จะไม่รุนแรง ซึ่งแนวทางนี้ประมาณการว่า 1 เดือน จะใช้ยา 70,000-80,000 เม็ด

ขณะที่ นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ไทยได้เตรียมพร้อมและจัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์จากประเทศญี่ปุ่น 5,000 เม็ด ได้รับบริจาคจากประเทศจีน 2,000 เม็ด และเดือนมีนาคมจัดซื้อรวม 87,000 เม็ด มีผู้ป่วยต้องใช้ยา 515 คน ขณะนี้เหลือยาฟาวิพิราเวียร์ 38,126 เม็ด โดยสั่งซื้อจากประเทศจีนเพิ่ม 100,000 เม็ด ส่งมอบวันพรุ่งนี้ (6 เม.ย.) และสั่งซื้อจากประเทศญี่ปุ่น อีก 100,000 เม็ด ยืนยันว่าจะกระจายไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ และขอใช้อย่างมีเหตุผล

ด้านนายวิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า โรคติดเชื้อ COVID-19 ต้องใช้ยา 7 รายการ ส่วนใหญ่สามารถผลิตได้ในประเทศ และสำรองเพียงพอ ยกเว้นยาฟาวิพิราเวียร์ที่ต้องนำเข้า ซึ่งจีนทดลองใช้และพบว่าได้ผลดี ซึ่งไทยพยายามหายาดังกล่าวตั้งแต่เดือน ม.ค. 2563 แต่ได้มาจำนวนไม่มากนัก เพราะเป็นที่ต้องการจากทั่วโลก ทั้งที่ตั้งเป้าให้มีสำรองถึง 1 ล้านเม็ด เพราะมีผู้ป่วยเพิ่มวันละหลักร้อยคน ป่วยสะสม 2,169 คน เสียชีวิต 23 คน หากไม่ใช้ยาดังกล่าวอาจจะมีตัวเลขเสียชีวิตมากกว่านี้

“ฟาวิพิราเวียร์มีแหล่งผลิตแค่ที่จีนกับญี่ปุ่น พยายามจัดซื้อให้ได้มากที่สุด แต่ละล็อตได้มาแค่แสนเม็ด ทั้งที่อยากได้เป็นล้านเม็ด เราไม่สามารถรอของบริจาคได้” อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขขอให้ประชาชนหยุดอยู่บ้าน เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้กลุ่มเสี่ยงป่วยและต้องใช้ยาจำนวนมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น