วันนี้ (26 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีปัญหาความเดือดร้อนของชาวระนอง เรื่องที่อยู่อาศัยและทำประโยชน์ในที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองระนอง บริเวณพื้นที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง (อบจ.ระนอง) และเทศบาลเมืองระนองขอใช้ประโยชน์เดิม จากกรมป่าไม้ รวม 3 แปลง เนื้อที่ 484 ไร่ แต่หนังสืออนุญาตได้หมดอายุลง ตั้งแต่ พ.ศ. 2539 พ.ศ. 2540 และ พ.ศ. 2559 และยังไม่สามารถขอต่ออายุหนังสืออนุญาตได้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นผู้บุกรุกป่า ไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนและส่งผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนจำนวนมาก จึงมีการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวระนองเรื่อยมา นั้น
สำหรับพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองหัวเขียวและป่าคลองเกาะสุย และเป็นพื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรีที่ปัจจุบันกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเป็นผู้รับผิดชอบแทนกรมป่าไม้ ตั้งอยู่ในท้องที่ ต.บางริ้น และ ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง เดิมเป็นพื้นที่ป่าชายเลนเสื่อมสภาพที่ผ่านการทำเหมืองแร่มาก่อน โดยในปี พ.ศ. 2525 อบจ.ระนอง ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ ให้นำที่ดินไปจัดให้ราษฎรเช่าอยู่อาศัย และจัดให้เป็นย่านการค้าอุตสาหกรรม เนื้อที่ 242 ไร่ 2 งาน และในปี พ.ศ. 2529 ได้รับอนุญาตเพิ่มอีก 224 ไร่ ส่วนเทศบาลเมืองระนองได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ เนื้อ 17 ไร่ 2 งาน ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวได้เปลี่ยนเป็นพื้นที่ชุมชนเมืองเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา อบจ. ระนอง ได้พยายามขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามไม่ให้อนุญาตการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนทุกกรณี แต่ยังไม่เป็นผล เนื่องจากติดเงื่อนไขการจ่ายเงินค่าปลูกป่าทดแทน 20 เท่า ของพื้นที่ขอใช้ประโยชน์ ซึ่ง อบจ.ระนอง มีงบประมาณไม่เพียงพอที่จะดำเนินการได้
เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 61 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการในท้องที่จังหวัดระนอง พร้อมรับฟังปัญหาความเดือดของราษฎรที่อยู่อาศัยและทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนที่หมดอายุการอนุญาต จึงได้สั่งการให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวระนองโดยเร็ว โดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) ได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมือง จังหวัดระนอง ขึ้น โดยมีนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และ นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เป็นประธานคณะทำงานฯ ดังกล่าว ได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ และส่งมอบให้กระทรวงการคลังดำเนินการบริหารจัดการตามกฎหมาย สำหรับข้อระเบียบกฎหมายที่ติดขัดให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งไปหารือร่วมกับกรมธนารักษ์ ต่อไป
ต่อมา เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 63 นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ประชุมหารือร่วมกับ นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และผู้มีส่วนได้เสียกว่า 100 คน เพื่อชี้แจงแนวทางการดำเนินการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองหัวเขียวและป่าคลองเกาะสุย (บางส่วน) เพื่อส่งมอบพื้นที่ให้แก่กรมธนารักษ์นำไปบริหารจัดการตามระเบียบ
และล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 63 นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พร้อมด้วย นายอภิชัย เอกวนากุล ผู้อำนวยการกองอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน ได้ลงพื้นที่จังหวัดระนองอีกครั้งเพื่อเร่งรัดติดตามการสำรวจรังวัดและสำรวจข้อมูลผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวของเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งได้เน้นย้ำและกำชับให้เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญและเร่งดำเนินให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ทั้งนี้ ได้รายงานให้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับทราบผลการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวระนอง พร้อมได้สั่งการให้กรมฯเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวระนองให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็วที่สุด ตนจึงได้สั่งหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งแก้ไขปัญหาตามแนวทางที่ได้หารือ ให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว
“การแก้ไขปัญหานี้จะช่วยปลดล็อกการอยู่อาศัยแบบผิดกฎหมายมานานนับหลายสิบปีของพี่น้องประชาชนชาวระนองให้อยู่อาศัยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและที่สำคัญการพัฒนาสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ไฟฟ้า ประปา ถนนหนทาง ตลอดจนการลงทุนต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้ในอนาคต ซึ่งนโยบายดังกล่าวนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยท่านรัฐมนตรีและท่านปลัดกระทรวง ได้กำชับและเร่งรัดให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อเป็นของขวัญให้แก่ชาวระนอง” อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวยืนยัน