เปิดประวัติ “วิชัย โภชนกิจ” อธิบดีกรมการค้าภายใน ที่ถูกเด้งเข้ากรุ พบมาจากลูกชาวนา ปากกัดตีนถีบทำงานเก็บตังค์ ขึ้นรถไฟไปเรียนรามฯ สอบเข้าทำงาน ไต่เต้าจนได้เป็นอธิบดี แต่ตกที่นั่งลำบากเจอเรื่องหน้ากากอนามัย ต้องไปนั่งตบยุงที่สำนักนายกฯ ก่อนเกษียณ
... รายงานพิเศษ โดยทีมข่าวโซเชียลมีเดีย MGR Online ...
กลายเป็นบุคคลที่สังคมปวดเศียรเวียนเกล้า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้สินค้าสุขภาพอย่าง “หน้ากากอนามัย” ขาดตลาด ประชาชนหาซื้อไม่ได้อย่างทั่วถึงจวบจนทุกวันนี้
ที่ผ่านมา “วิชัย โภชนกิจ” อธิบดีกรมการค้าภายใน ตกเป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ยืนยันเสียงแข็งว่า หน้ากากอนามัยมีเพียงพอ ทั้งที่แม้แต่แพทย์และพยาบาลตามโรงพยาบาลยังไม่มีใช้ เกิดแฮชแท็ก #หน้ากากไม่พอบอกพอ
หนักหนาสาหัสก็ตรงที่ไปฟ้องหมิ่นประมาท “โฆษกกรมศุลกากร” ที่ออกมาให้ข่าวว่า กระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้ส่งออกหน้ากากอนามัยรวม 330 ตัน แม้กรมศุลกากรจะชี้แจงแก้ไขข้อมูลในเวลาต่อมาแต่ก็มิได้นำพา
ไม่ทันไรก็มีปัญหากับ “สมาคมร้านขายยา” เนื่องจากออกข่าวว่าจัดสรรหน้ากากอนามัยให้สมาคมฯ 25,000 ชิ้น ทั้งๆ ที่สมาคมฯ ไม่เคยได้รับแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ระหว่างเจรจากลับมีข้อเสนอ “ขอโทษอธิบดี” อ้างทำให้เสื่อมเสียเกียรติ
กระทั่งเจ้าตัวออกมาปฏิเสธข่าว แล้วคืนวันเดียวกัน สมาคมร้านขายยาก็ได้รับแจ้งว่า ให้ไปเอาหน้ากากอนามัยจากกระทรวงพาณิชย์ 2 วัน 30,000 ชิ้น ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า ถ้าไม่เป็นข่าวก็คงไม่ได้รับจัดสรรวันยังค่ำ
พิชัย นริพทะพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาเผยแพร่เอกสาร ระบุว่า นายวิชัย ลงนามอนุญาตส่งออกหน้ากากอนามัยไปต่างประเทศกว่า 1 ล้านชิ้น กล่าวหาว่าทำไมจึงต้องฟ้องแก้เกี้ยว
ต่อมาเจ้าตัวชี้แจงว่า เป็นบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ภายใต้ลิขสิทธิ์ของผู้จ้างผลิตเพื่อการส่งออกทั้งหมด ไม่ได้ขายในประเทศ ส่วนที่ใช้ในประเทศห้ามส่งออกไปแล้ว
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีคำสั่งด่วนให้ นายวิชัย มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ในการบริหารจัดการของรัฐบาล
“กรณีมีประเด็นทางสังคมเกี่ยวกับการกักตุน และจำหน่ายหน้ากากอนามัย ซึ่งสมควรมีการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความชัดเจน ถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรม ตลอดจนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่การบริหารราชการของกรมการค้าภายใน” คำสั่ง ระบุ
วิชัย โภชนกิจ เป็นชาว อ.สทิงพระ จ.สงขลา เรียนชั้นประถมศึกษา โรงเรียนวัดวัดประดู่หอม มัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนสทิงพระวิทยา กระทั่งมัธยมศึกษาตอนปลาย จบจากโรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา
ศึกษาต่อปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนจบปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกลุ่มงานปศุสัตว์และสัตว์น้ำ กรมการค้าภายใน (2543-2544), เลขานุการกรม กรมการค้าภายใน (2548-2550) ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและพัฒนาการตลาด กรมการค้าภายใน (2550-2551)
ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านต้นทุนและกำหนดราคาสินค้า กรมการค้าภายใน (2551-2553), รองอธิบดีกรมการค้าภายใน (2553-2554), รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (2554-2558), ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ (2558-2559)
ก่อนไต่เต้ามาเป็น รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในปี 2559 และดำรงตำแหน่งอธิยดีกรมการค้าภายใน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นมา
มีผลงานโดดเด่นสมัยเป็นกรรมการขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อสค.) พัฒนาอุตสาหกรรมและธุรกิจโคนม ทำให้ อสค. พลิกฟื้นจากสภาพขาดทุนมาเป็นองค์กรที่มีผลกำไร
ได้รับพระราชทานโล่เกียรติยศ จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ปี 2553
ทิฆัมพร ศรีจันทร์ บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ เคยโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อ 2 ปีก่อน พูดถึงนายวิชัย ไว้อย่างน่าสนใจว่า เขามาจากสงขลา เป็นลูกคนที่ 4 ในบรรดาพี่น้อง 10 คน
วิชัยเป็นคนปากกัดตีนถีบ มาจากครอบครัวยากจน ลูกชาวนาขนานแท้ เรียนหนังสือในโรงเรียนวัด ช่วงมัธยมต้น ว่างเว้นการเรียนต้องช่วยพ่อ-แม่ทำนา หลังจบมัธยมปลาย ต้องไปรับจ้างแบกปุ๋ยที่ท่าเรือสงขลาเพื่อเก็บเงิน
ก่อนหิ้วกระเป๋าขึ้นรถไฟไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ เพื่อยกระดับฐานะของครอบครัว หนีความลำบาก
ช่วงที่เรียนรามฯ วิชัยไปทำงานก่อสร้างหาเงินเรียนหนังสือ พักอาศัยในวัดบุรณศิริมาตยาราม (ย่านศาลเจ้าพ่อเสือ) ก่อนเรียนจบปริญญาตรีและสอบเข้าทำงานที่กรมการค้าภายใน ไต่เต้าทีละขั้นขึ้นถึงรองอธิบดี
ช่วงที่มีเหตุการณ์โครงการรับจำนำข้าว ถูกโยกไปเป็นรองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ทำให้หลุดบ่วงข้าวฉาวออกมาได้ ก่อนจะขึ้นสู่ระดับ 10 (ซี 10) ในเวลาต่อมา แล้วกลับถิ่นเก่าเป็นอธิบดีกรมการค้าภายใน
ไม่รู้ว่าการเด้งเข้ากรุคราวนี้จะชั่วคราวหรือยาวไปจนเกษียณ เพราะนายวิชัยจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2563 ซึ่งมีเวลาทำงานเหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น
