เพจ “อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก“ ออกมาโพสต์ข้อความเผยถึงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยในขณะนี้ ที่ส่งผลให้ธุรกิจหลายประเภทได้รับผลกระทบจนแทบปิดกิจการ วอนคนไทยออกมาใช้เงิน เพื่อให้ประเทศยังไปต่อได้ ชี้ คนไทยจะตายไม่ใช่ด้วยไวรัส แต่เพราะไม่มีกิน
จากเหตุการณ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. โพสต์ภาพบรรยากาศ “สุวรรณภูมิ” ได้แก่ บริเวณเคาน์เตอร์เช็กอิน ผู้โดยสารขาออก ชั้น 4, บริเวณสายพานรับกระเป๋า ชั้น 1 และบริเวณที่จอดรถแท็กซี่ เงียบเชียบ ระบุ “ไม่เคยนึกว่าจะเห็นภาพแบบนี้” ชาวเน็ตทั้งเห็นใจ ทั้งแย้งกลับ บอกบางช่วงคนก็น้อย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 14 ม.ค. เพจ “อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก” ได้ออกมาระบุข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ในประเทศไทยไว้ว่า
“ถ้าเรายังไม่มีสติกลัวระแวงโควิด-19 กันแบบนี้ พวกเราจะตายกันหมดแน่... ตายเพราะไม่มีจะแดกไม่ใช่ตายเพราะเป็นโรค อันนี้ไม่ได้ขู่นะครับ อย่างที่รู้กัน ตอนนี้บ้านเมืองเราแทบจะเป็นรัฐล้มเหลวแล้ว ประชาชนแทบไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลเลย ปัญหาโควิดนี่เหมือนมีแค่ข้าราชการประจำ บุคลากรกระทรวงสาธารณสุขทำงานกันเช้ายันค่ำ เวลาพักผ่อนแทบไม่มี แถมเครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่ได้รับการ support อะไรจากรัฐบาลเลย เรามีรัฐมนตรีสาธารณสุขที่จะเข้ามาทำแค่เรื่องกัญชา แถมสื่อเองแทนที่จะร่วมกันสร้างความเข้าใจกับประชาชนอันดีในการใช้ชีวิตให้เราไปด้วยกันต่อไปได้ แต่เรากลับพบแต่สื่อที่โหมกระพือ สร้างกระแส สร้างความหวาดกลัวให้คนตื่นตระหนักมากขึ้นทุกวัน ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่ากระแสอะไรที่ร้ายๆ ลบๆ มันเรียกยอดไลก์ยอดแชร์ได้มากกว่าเรื่องดีๆ
ทุกวันนี้เราเข้าใจกันไปว่าคนเป็น covid นี่ยิ่งกว่าซอมบี้อีก ไม่ต้องโดนกัด แค่เข้าใกล้ หรือใช้อากาศร่วมกันก็ติดต่อได้แล้ว เวลามีข่าวคนติดเชื้อ สื่อจะชอบมากกกที่จะตามลงข่าวว่าคนๆ นี้ไปที่ไหนบ้าง คือ พอลงข่าวไป คนก็จะชอบแชร์ สื่อนั้นก็จะได้เอนเกจเมนต์ และสถานที่ที่ลงก็จะลงแม่งทั้งละแวกเลย เช่น อารีย์ หรือลงทั้งถนนเลย เช่น ราชวิถี คนก็ระแวงสิ อ้าวอยู่ซอยเดียวกันกูจะเป็นโควิดไหม คือ โควิดนี่เอาจริงๆ มันก็คือไข้หวัดชนิดหนึ่งที่ติดต่อได้ค่อนข้างง่าย แต่มันก็ติดต่อผ่านสารคัดหลั่งบ้างฝอยน้ำลาย ทางเดินหายใจ แต่ด้วยอากาศบ้านเราที่ค่อนข้างร้อนมาก เอาจริงๆเปอร์เซ็นต์ในการติดมันก็ไม่ได้เยอะเท่าเมืองหนาว สถิติคนเป็น Flu แล้วตายปีก่อนนี่ยังเยอะกว่า covid ตอนนี้เลย แต่เราไปเข้าใจกันว่าโควิดมันเหมือนเชื้อซอมบี้ เหมือนเล่นไล่จับ โป้งแปะ เข้าใจไปว่าคนเป็นโควิดโดนตัวแล้วจะเป็นโควิดเลย ทำให้พอรู้ข่าวว่าคนนั้นคนนี้ไปติดมา เดือดร้อน บิ๊กคลีนนิงกันทั้งห้าง ซึ่งเอาจริงๆ บ้านเราทำขนาดนี้แล้ว ผมว่าพวกเราช่วยตัวเองป้องกันกันเอง โดยเฉพาะเอกชนห้างร้านเค้าก็กลัวคนไม่เข้าห้าง อย่างไอคอนสยามนี่เพื่อนผมเล่าว่า เดินออกจากรถเข้าห้างก็มีปืนวัดอุณหภูมิ มีเจลแอลกอฮอล์วางทุกจุด เข้าลิฟต์ยังมีพนักงานคอยเช็ดลิฟต์เลย แต่ตัวห้างก็ผีหลอก ไม่มีคนเข้าห้าง
ห้างร้านไม่มีคนเข้าไปใช้บริการ ธุรกิจโรงแรมทยอยปิดตัว สายการบินหลายสายงดเที่ยวบิน ลูกเรือเหลือบินกันเดือนละ 1-2 เที่ยว แท็กซี่สุวรรณภูมิ บอกว่า เคยวิ่งวันละ 8 รอบ เหลือวันละ 2 รอบ ลูกจ้างบริษัทอาจจะมองเป็นเรื่องตื่นเต้นเวลาอ่านข่าวร้ายๆ แชร์ๆๆ แต่ถ้าวันหนึ่งบริษัทเค้าไปต่อไม่ไหว เค้าคงจะจ่ายเงินเดือนแล้วให้เราอยู่กับบ้านเฉยๆ หรอกนะ สงสัยว่า ติดเชื้อก็ มึงไปกักตัวอยู่บ้าน 14 วัน บางบริษัทสบช่องทาง ให้ออกจากงานไปเลย ช่วงนี้ชีวิตเราจะพลิกผันกันมากันครับ บางคนมีภาระ มีครอบครัวต้องดูแล ตกงานตอนนี้จะเอาอะไรกิน ที่เดือดร้อนสุดคือเด็กพาร์ตไทม์ ทำงานชั่วโมงละ 50 บาท ที่เค้าจ้างเด็กพาร์ตไทม์เพราะพนักงานไม่พอ แต่วันนี้ไม่มีอะไรให้ทำแล้ว เด็กพาร์ตไทม์จะเอาอะไรทำ จะเอาเงินที่ไหนมาใช้
ร้านขายของในห้างไม่มีคนเดิน ไม่มาเปิดก็ไม่ได้ ค่าเช่าเดือนนึงเป็นแสน ทางห้างก็ยังเก็บค่าเช่าเท่าเดิม มาขายก็เสียค้าไฟ ค่าลูกจ้าง เปิดแล้วก็ขายไม่ได้ ร้านอาหารในห้างไม่มีลูกค้า ไม่มีเงิน ต้องเอาพนักงานออกอีก จะตกงานกันอีกเท่าไหร่
ที่พูดนี่ไม่ได้ขู่ แต่แค่อยากจะบอกให้เราใช้ชีวิตกันอย่างมีสติ และอยู่กับโควิดแบบเข้าใจ หน้ากากมีก็ใส่ แต่ต้องเข้าใจและเรียนรู้ว่าจริงๆ มันจำเป็นแค่ไหน ล้างมือให้สะอาดนั่นแหละจำเป็นที่สุดแล้ว คนเราก็อย่าฉวยโอกาสกันนัก หน้ากากเอย เจลเอย ก็ทำมาขายกันโขกราคากันโหดๆ แถมขายแล้วยังบอกว่านี่ช่วยสังคมนะ ทำมาขายเพราะหายาก เฮ้อออออ
และในสถานการณ์แบบนี้ แน่นอนว่า มีคนอีกหลายคนที่ชอบสร้างกระแส สร้างความหวาดกลัว ประกันโควิดต้องมา คนยิ่งกลัวประกันก็ยิ่งขายดี หน้ากากก็มีขายกันใน facebook ดารานักแสดงนักร้องบางคนก็ทำเจลแอลกอฮอล์มาขาย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ใช่อะไร กระแสทางลบเยอะๆ ก็ทำให้คนถือโอกาสขายของกันได้ด้วย
เอาจริงๆ นะ ออกมาใช้เงินกันบ้างเถอะ พูดจริงๆ อยู่กันอย่างมีสติ สื่อเองก็อย่าโหมกระพืออะไรที่แย่ๆจนทำให้คนอยู่ในความหวาดกลัวจนไม่กล้าทำอะไรแบบนี้ ยิ่งสภาพบ้านเมืองเราแบบนี้ บอกเลย คนไทยแทบไม่มีหลักอะไรให้ยึดเหนี่ยวเลย ทุกวันนี้เรารู้สึกหดหู่และอ้างว้างมากพอแล้วครับ สื่อช่วยสร้างความเข้าใจอันดีให้กับประชาชนด้วยครับ เราจะได้ไปต่อด้วยกันได้”
หลังโพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกสู่โลกโซเชียลแล้ว ได้รับความสนใจจากชายเน็ตเป็นจำนวนมาก ทำให้มียอดแชร์โพสต์แล้วกว่า 10,000 ครั้ง นอกจากนี้ ยังได้มีชาวเน็ตได้นำรูปภาพมาโพสต์ในช่องคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก ซึ่งเผยให้เห็นว่า ห้างสรรพสินค้าบางแห่งที่จอดรถว่างโล่งอย่างมาก หรือ ร้านอาหารภายในห้างที่บางร้านต้องต่อคิวรอเป็นเวลานาน แต่ช่วงนี้กลับแทบไม่มีลูกค้ามาใช้บริการเลย อย่างไรก็ตาม ตามตลาดนัดกลับมีประชาชนลงไปจับจ่ายอาหารอยู่มากพอสมควร