พบบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ รายหนึ่งยอมรับว่า ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นจาก 200 กว่าล้านเป็นเกือบพันล้าน เหตุเพราะโดนแฮกข้อมูลทางอีเมล ทำให้มีการจ่ายเงินไปยังบัญชีแฮกเกอร์ ตอนนี้พยายามเพิ่มระบบป้องกันภายในและหาทางเรียกคืนค่าเสียหาย
วันนี้ (23 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า ได้มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยรายหนึ่ง (ขอสงวนนาม) ได้เผยแพร่คำอธิบายและการวิเคราะห์ทางการเงิน สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 4 และประจำปี 2562 โดยพบว่าผลการดำเนินงานทางการเงินของบริษัทฯ ไตรมาส 4/62 ขาดทุนสุทธิ 2,975 ล้านบาท ส่งผลทำให้ในปี 2562 ขาดทุนสุทธิ 2,809 ล้านบาท และพบว่าในไตรมาส 4/62 มีค่าใช้จ่ายในการบริหาร (Selling, General & Administrative Expense หรือ SG&A) เพิ่มขึ้นจาก 252 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาส 4/61) เป็น 939 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 687 ล้านบาท
สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหาร ในรายงานคำอธิบายและการวิเคราะห์ทางการเงิน ระบุว่า เปรียบเทียบ Q4/62 กับ Q3/62 และ Q4/61 ค่าใช้จ่ายในการบริหารใน Q4/62 เพิ่มขึ้นเป็น 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จาก 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ใน Q3/62 และ Q4/61 การเพิ่มขึ้นโดยหลักเนื่องจากการถูกโจมตีทางธุรกรรมทางอีเมล์ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีการชำระเงินไปยังบัญชีที่ไม่ถูกต้อง หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ ได้ดำเนินการร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอทีทั้งภายในและภายนอกโดยทันทีในการตรวจสอบหาสาเหตุ และได้เพิ่มระบบป้องกันภายในให้แข็งแกร่งมากขึ้น โดยบริษัทฯ ยังคงทางานร่วมกับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญ ในการเรียกคืนค่าความเสียหายดังกล่าว แต่ได้มีการรับรู้ค่าความเสียหายในงบการเงิน Q4/62 ไว้ก่อน
หากไม่รวมค่าความเสียหายดังกล่าว ค่าใช้จ่ายในการบริหารใน Q4/62 ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เปรียบเทียบปี 2562 และ 2561 ค่าใช้จ่ายในการบริหารสูงขึ้น โดยหลักเนื่องจากการถูกโจมตีทางธุรกรรมทางอีเมล์ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา หากไม่รวมกับค่าความเสียหายดังกล่าว ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานสูงขึ้นจำนวน 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาจากการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานสำหรับเงินชดเชยพนักงานเกษียณอายุตามการเปลี่ยนแปลงกฎหมายแรงงานรับรู้เป็นรายจ่ายในปี 2562 และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ