วันนี้ (22 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า เว็บไซต์ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เรื่อง ขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน คดีหมายเลขดำที่ อม. 77/2561 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 238/2562 ระหว่าง อัยการสูงสุด ผู้ร้อง นางสาวจันทาภา พิษณุไวศยวาท ที่ 1 บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ที่ 2 นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ที่ 3 ผู้คัดค้าน นางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง ผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 29 หน้า
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/A/014/T_0015.PDF
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2563/A/014/T_0015.PDF
ทั้งนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษา เมื่อวันที่ 16 ก.ย.62 คดียื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หมายเลขดำที่ อม.1/2562 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) ผู้ร้อง ได้ยื่นขอให้ศาลวินิจฉัยว่า นางระพิพรรณ พงศ์เรืองรองอดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นภรรยาของนายอริสมันต์ กรณีกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบด้วย ซึ่งขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 และมีบทลงโทษทางอาญา มาตรา 119 โดยศาลฯ เห็นว่านางระพิพรรณแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน แสดงหลักฐานกู้ยืมเงินจำนวน 3 ฉบับรวม 13 ล้านบาท แต่ไม่ได้มีการกู้ยืมเงินกันจริง, แสดงรายได้ตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 15 ล้านบาท โดยไม่ได้รับเงินจริง, แสดงรายได้จากสัญญาจ้างทำของของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง คู่สมรส จำนวน 27 ล้านบาท โดยไม่มีหลักฐานที่มีน้ำหนักน่าเชื่อว่านายอริสมันต์ ได้มีการรับจ้างงานดังกล่าวจริง ดังนั้น จึงเป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อปกปิดอำพรางแหล่งที่มาของทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ ของนางระพิพรรณผู้ถูกกล่าวหา และ นายอริสมันต์ คู่สมรส นอกจากนี้นางระพิพรรณ ผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้ระบุในบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินว่า เงินลงทุนในบริษัท เฮ้าส์ ออฟ ฮาร์ท พร็อพเพอร์ตี้ 2012 จำกัด มูลค่า 25 ล้านบาท เป็นหุ้นที่ยังไม่ได้ชำระเงินค่าหุ้น จึงทำให้เข้าใจว่าผู้ถูกกล่าวหานำเงินไปลงทุนในบริษัทตามมูลค่าหุ้นดังกล่าว อันเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจึงมีความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ
ศาลฯ จึงพิพากษาให้จำคุกนางระพิพรรณเป็นเวลา 2 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ และห้ามไม่ให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
ในวันเดียวกัน องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน คดีริบทรัพย์ หมายเลขดำ อม.77/2561 ที่อัยการสูงสุด ผู้ร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งริบทรัพยสินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ ของนางระพิพรรณ รวมมูลค่า 42,816,226 บาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 38 สืบเนื่องจาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนางระพิพรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบกรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ รวมมูลค่า 42,816,226.64 บาท ซึ่ง ป.ป.ช.ส่งสำนวนเอกสารหลักฐานให้อัยการยื่นฟ้องศาลฎีกาฯ เมื่อเดือน พ.ค. 61 ซึ่งศาลฯ ได้มีคำพิพากษาให้ทรัพย์สินมูลค่า 42,816,226.64 บาท พร้อมดอกผลที่เกิดขึ้นตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4, 38 ประกอบมาตรา 83 โดยให้คืนรถยนต์ BMW รุ่น 730 Ld เลขทะเบียน ถ 8988 (ป้ายแดง) ที่นางระพิพรรณเช่าซื้อยู่ แก่บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรับทรัพย์สิน ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดว่า เพิ่มขึ้นผิดปกติของนางระพิพรรณ มีดังนี้ เงินฝากธนาคาร 6 บัญชี จำนวนเงิน 27,618,954 บาท, ที่ดิน 3 แปลง มูลค่า 9,492,000 บาท สิ่งปลูกสร้าง 1 หลัง มูลค่า 2 ล้านบาท รถยนต์ 1 คัน มูลค่า 1,805,272 บาท และเงินที่นำมาชำระหนี้เงินกู้ธนาคาร จำนวนเงิน 1.9 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในวันที่ 16 ก.ย.62 ที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษานั้น นางระพิพรรณ ไม่ได้เดินทางมาศาล จึงถูกออกหมายจับ จนกระทั่งวันที่ 26 ก.ย.62 นางระพิพรรณ จึงเดินทางไปมอบตัวตามหมายจับต่อศาล พร้อมยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราว ระหว่างร้องอุทธรณ์คำพิพากษาต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา อย่างไรก็ตาม ศาลพิจารณาเห็นว่า นางระพิพรรณมีพฤติการณ์น่าจะหลบหนี เนื่องจากไม่มาฟังคำพิพากษาตามนัด จึงให้ยกคำร้อง และเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนางระพิพรรณไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางทันที