หลังจากที่จีนมีมาตรการปิดเมือง “อู่ฮั่น” เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย เมื่อ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นต้นกำเนิดของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” เพิ่มความเข้มงวดในมาตรการปิดเมืองไปอีกขั้นเพื่อยกระดับการควบคุมโรคในพื้นที่
เมื่อวันที่ 17 ก.พ. รายงานข่าวแจ้งว่า สำนักงานรัฐบาลประชาชนแห่งมณฑลหูเป่ย ในภาคกลางของจีน ซึ่งมีประชากรประมาณ 58 ล้านคน โดยนายอิ้ง หย่ง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งมณฑลหูเป่ยคนใหม่ ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ให้ยกระดับมาตรการควบคุมโรคในพื้นที่จากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เริ่มจากการปิดล้อมชุมชนในเขตนอกตัวเมืองและชนบทราว 200,000 แห่ง ให้เหลือทางเข้าและออกพื้นที่เพียงแห่งเดียว มาตรการเดียวกันนี้จะขยายขอบเขตบังคับใช้กับเขตเมืองภายในอนาคตอันใกล้นี้
ขณะที่แต่ละครัวเรือนสามารถส่งตัวแทนออกจากเคหะสถานได้เพียง 1 คนในทุก 3 วัน จากเดิมคือ 2 วัน เพื่อออกมาจับจ่ายซื้อของ และทำธุรกรรมที่จำเป็น โดยผู้ที่ออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัยให้มิดชิด และอยู่ห่างจากบุคคลอื่นเป็นระยะไม่ต่ำกว่า 1.5 เมตร ในระหว่างที่มีการบังคับใช้มาตรการดังกล่าว สถานบันเทิงและสถานที่บริการเพื่อการสันทนาการทุกประเภทปิดให้บริการอย่างไม่มีกำหนด การจัดงานมงคลสมรสควรเลื่อนออกไป ส่วนงานศพควรให้มีขนาดเล็กและเสร็จสิ้นเร็วที่สุด และการเยี่ยมเยียนเพื่อนบ้านหรือเดินทางไปยังบ้านหลังอื่นเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน “ห้ามเด็ดขาด”
สำหรับการสัญจรบนท้องถนนนั้น อนุญาตเพียงพาหนะของตำรวจ สถานพยาบาล และพาหนะซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นกรณีพิเศษในช่วงนี้เท่านั้น ทั้งนี้ เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า ในทางทฤษฎีหมายความว่า “ประชาชนทุกคนซึ่งอาศัยอยู่ในมณฑลหูเป่ยไม่ควรออกนอกบ้านในช่วงนี้”
การเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการ “ปิดเมือง” ของทางการมณฑลหูเป่ย เป็นการต่อยอดจากการ “ชัตดาวน์” เมื่อปลายเดือนที่แล้ว เริ่มจากเมืองอู่ฮั่นที่เป็นเมืองเอก เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยรัฐบาลปักกิ่งเน้นมาตรการควบคุมโรคแบบบังคับที่นี่มากที่สุด เนื่องจากเชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดของเชื้อโควิด-19 ที่เฉพาะในมณฑลหูเป่ยมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1,696 คน และผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 58,182 คน แต่หายดีแล้ว 1,016 คน ตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว