และแล้วในที่สุด ตลาดการซื้อขายนักเตพช่วงหน้าหนาว ประจำฤดูกาล 2019-2020 ก็ได้สิ้นสุดลงไปเมื่อช่วงเที่ยงคืนของโซนยุโรปในวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งหลายๆ ทีมต่างก็ได้เป้าหมายที่ตัวเองต้องการ มากบ้างน้อยบ้างก็แล้วแต่ ส่วนนักเตะของอีกหลายทีม ก็ยังคงสถานะอยู่กับต้นสังกัดเดิมต่อไป แล้วค่อยไปว่ากันใหม่ในช่วงฤดูกาลหน้า ซึ่งมองในแง่ดีตรงที่ว่ายังได้มีอากสโชว์ฟอร์มเด่นในสนามเพื่อเรียกค่าตัว เอ้ย เพิ่มทักษะของนักฟุตบอล เพื่อความก้าวหน้าของอาชีพนักเตะว่ากันไป
แต่มีดีลการซื้อขายหนึ่ง ที่ถือได้ว่าเป็นการซื้อขายที่ฮือฮาและยิ่งใหญ่ที่สุดประจำหน้าหนาวปีนี้ นั่นคือ การย้ายมาเป็นหนึ่งในอสูรปีศาจแดงของ “บรูโน่ เฟอร์นันเดซ” ที่ย้ายมาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน มาด้วยค่าตัว 68 ล้านปอนด์ พร้อมด้วยสัญญา 5 ปี ซึ่งจะทำให้เขาอยู่ยาวกับทีมไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2025 และอีกนัยหนึ่ง เสียงล้อในหมู่แฟนบอลเร้ด อาร์มี่ ด้วยประโยคที่ว่า “48 ชั่วโมงอันยาวนาน” ก็คงจะได้เงียบๆ ลงไปไม่มากก็น้อย
อันที่จริงดีลการซื้อขายนี้ มัมนเค้ามาตั้งแต่ช่วงตลาดซื้อขายฤดูร้อน แต่เป้นเพราะการดึงเช็งไปมากันระหว่างทั้ง 2 ทีม ก็เลยทำให้ผลการเจรจาไม่เป็นดังหวังในที่สุด และต่างฝ่ายต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองไปครึ่งฤดูกาล จนผลงานของปีศาจแดงในฤดูกาลนี้เรียกว่าได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนบอลคู่แข่ง บวกกับ นักเตะในแดนกลางของทีม ทั้ง พอล ป็อกบา และ สก็อตต์ แมคโทมิเนย์ ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ หรือคนที่เหลือก็ไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งให้กับทีมได้ นั่นจึงโปรเจกต์ของทางทีมที่จะต้องดึงตัว “บรูโน่” มาให้ได้ และในที่สุดดีลนี้ ‘ปีศาจแดง’ ก็สมหวังซะที
โดย “บรูโน่” นั้น เริ่มเดบิวต์ในวงการฟุตบอลอย่างเป็นทางการภายใต้สังกัดโนวาร่า ทีมในลีกเซเรีย บี ซึ่งขี้นมาเล่นชุดใหญ่ในปี 2013 ด้วยการลงสนาม 23 เกม และยิงประตูได้ 4 ลูก ก่อนที่จะโยกไปลงสนามให้กับอูดิเนเซ่ (95 เกม 11 ประตู) ในช่วงปี 2013-2016 และ ซามพ์โดเรีย ในปี 2017 (35 เกม 5 ประตู) หลังจากนั้นจึงได้สร้างชื่อแจ้งเกิดให้กับตนเอง ในสังกัด สปอร์ติ้ง ลิสบอน ซึ่งเป็นทีมในบ้านเกิด ในปี 2017-2020 ด้วยผลงาน 137 เกม 64 ประตู ส่วนการลงสนามให้กับทีมชาติโปรตุเกส เจ้าตัวเริ่มเล่นให้ทีมฝอยทอง ในปี 2017 และนับจนถึงตอนนี้ ลงรับใช้ชาติไปแล้ว 19 เกม และยิงได้ 2 ประตู ซึ่งเขาก็ได้อยู่ในชุดที่คว้าแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อปีก่อน อีกด้วย
ด้วยสไตล์การเล่นของเจ้าตัวที่มีความโดดเด่นในเรื่องการผ่านบอล สามารถเคลื่อนที่หาช่องว่างในสนามได้อย่างรวดเร็ว จังหวะการยิงไกลที่ต้องมีลุ้นประตูหลังจากที่บรรจงหวดออกไป รวมถึงจุดเด่นในลูกเซ็ทพีซซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาวุธประจำตัว และสามารถเล่นในตำแหน่งกองกลางทุกรูปแบบ เชื่อได้เลยว่า การมาของมิดฟิลด์วัย 25 ปีนี้ น่าจะช่วยยกระดับการเล่นในแผงกองกลางให้ “ปีศาจแดง” ก็เป็นได้ ซึ่งถ้าเขาสามารถเปลี่ยนแปลงทีมได้ แฟนบอลเร้ด อาร์มี่ ก็คงจะเรียกว่า “ผู้กอบกู้ของทีม” ก็คงไม่ผิดกระมัง
แต่มีดีลการซื้อขายหนึ่ง ที่ถือได้ว่าเป็นการซื้อขายที่ฮือฮาและยิ่งใหญ่ที่สุดประจำหน้าหนาวปีนี้ นั่นคือ การย้ายมาเป็นหนึ่งในอสูรปีศาจแดงของ “บรูโน่ เฟอร์นันเดซ” ที่ย้ายมาจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน มาด้วยค่าตัว 68 ล้านปอนด์ พร้อมด้วยสัญญา 5 ปี ซึ่งจะทำให้เขาอยู่ยาวกับทีมไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2025 และอีกนัยหนึ่ง เสียงล้อในหมู่แฟนบอลเร้ด อาร์มี่ ด้วยประโยคที่ว่า “48 ชั่วโมงอันยาวนาน” ก็คงจะได้เงียบๆ ลงไปไม่มากก็น้อย
อันที่จริงดีลการซื้อขายนี้ มัมนเค้ามาตั้งแต่ช่วงตลาดซื้อขายฤดูร้อน แต่เป้นเพราะการดึงเช็งไปมากันระหว่างทั้ง 2 ทีม ก็เลยทำให้ผลการเจรจาไม่เป็นดังหวังในที่สุด และต่างฝ่ายต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองไปครึ่งฤดูกาล จนผลงานของปีศาจแดงในฤดูกาลนี้เรียกว่าได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนบอลคู่แข่ง บวกกับ นักเตะในแดนกลางของทีม ทั้ง พอล ป็อกบา และ สก็อตต์ แมคโทมิเนย์ ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ หรือคนที่เหลือก็ไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งให้กับทีมได้ นั่นจึงโปรเจกต์ของทางทีมที่จะต้องดึงตัว “บรูโน่” มาให้ได้ และในที่สุดดีลนี้ ‘ปีศาจแดง’ ก็สมหวังซะที
โดย “บรูโน่” นั้น เริ่มเดบิวต์ในวงการฟุตบอลอย่างเป็นทางการภายใต้สังกัดโนวาร่า ทีมในลีกเซเรีย บี ซึ่งขี้นมาเล่นชุดใหญ่ในปี 2013 ด้วยการลงสนาม 23 เกม และยิงประตูได้ 4 ลูก ก่อนที่จะโยกไปลงสนามให้กับอูดิเนเซ่ (95 เกม 11 ประตู) ในช่วงปี 2013-2016 และ ซามพ์โดเรีย ในปี 2017 (35 เกม 5 ประตู) หลังจากนั้นจึงได้สร้างชื่อแจ้งเกิดให้กับตนเอง ในสังกัด สปอร์ติ้ง ลิสบอน ซึ่งเป็นทีมในบ้านเกิด ในปี 2017-2020 ด้วยผลงาน 137 เกม 64 ประตู ส่วนการลงสนามให้กับทีมชาติโปรตุเกส เจ้าตัวเริ่มเล่นให้ทีมฝอยทอง ในปี 2017 และนับจนถึงตอนนี้ ลงรับใช้ชาติไปแล้ว 19 เกม และยิงได้ 2 ประตู ซึ่งเขาก็ได้อยู่ในชุดที่คว้าแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เมื่อปีก่อน อีกด้วย
ด้วยสไตล์การเล่นของเจ้าตัวที่มีความโดดเด่นในเรื่องการผ่านบอล สามารถเคลื่อนที่หาช่องว่างในสนามได้อย่างรวดเร็ว จังหวะการยิงไกลที่ต้องมีลุ้นประตูหลังจากที่บรรจงหวดออกไป รวมถึงจุดเด่นในลูกเซ็ทพีซซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาวุธประจำตัว และสามารถเล่นในตำแหน่งกองกลางทุกรูปแบบ เชื่อได้เลยว่า การมาของมิดฟิลด์วัย 25 ปีนี้ น่าจะช่วยยกระดับการเล่นในแผงกองกลางให้ “ปีศาจแดง” ก็เป็นได้ ซึ่งถ้าเขาสามารถเปลี่ยนแปลงทีมได้ แฟนบอลเร้ด อาร์มี่ ก็คงจะเรียกว่า “ผู้กอบกู้ของทีม” ก็คงไม่ผิดกระมัง