มาถึงช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดซื้อขายช่วงฤดูหนาวของฤดูกาล 2019-2020 แล้ว ซึ่งหลายๆทีมก้ได้นักเตะไปตามเป้าหมายบ้างแล้ว อาจจะมากบ้าง น้อยบ้าง แล้วแต่กำลังทรัพย์ (และแรงจูงใจของเป้าหมาย) แตกต่างกันไป) ซึ่งต่อให้บางทีมมีเงินขนาดไหนก้ตามแต่ แต่ถ้าผลงานสาละวันเตี้ยลงๆ จริง ยังไงทีมหรือนักเตะก็ไม่ยอมมาหรอก (นอกซะจากมีอุดมการณ์จริงๆ ก็ว่ากันไป)
ตัดภาพกลับมาที่นักเตะที่เป็นดีลที่บิ๊กเนมที่สุด (ถ้านับเฉพาะในตอนนี้นะ) คงจะหนีไม่พ้นการย้ายทีมของ “คริสเตียน อีริคเซ่น” มิดฟิลด์ตัวรุกทีมชาติเดนมาร์ก ที่ได้ย้ายจาก ‘ไก่เดือยทอง’ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ส ทีมในศึกพรีเมียร์ลีก ไปร่วมทัพ ‘งูใหญ่’ อินเตอร์ มิลาน ภายใต้การคุมทัพของ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่กำลังลุ้นแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ในปีนี้ ด้วยค่าตัวเพียงแค่ 16.9 ล้านปอนด์ เท่านั้น
อันที่จริง ข่าวการย้ายทีมของจอมทัพชาวเดนิชนั้น ก็เริ่มมีจุดเล็กๆ มาตั้งแต่หลังจากเกมรอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลก่อนแล้วล่ะ อันเนื่องมาจากการใกล้หมดสัญญาของเจ้าตัวเอง ซึ่งตัวเขาก็เลือกที่จะไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัด และขออยู่กับทีมต่อไป และ ‘สัญญาณ’ ที่ว่านี้ก็ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ ผ่านทั้งฟอร์มการเล่นที่ในระยะหลังดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยตั้งใจเล่นเท่าไหร่ แถมยังมีอาการงอแงหลุดๆ มาบ้าง นับตั้งแต่ยุคของ “พอช” เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ไปจนถึงยุค “จ่ามู” โชเซ่ มูริญโญ่ ซึ่งในระหว่างทางนี้ก็มีหลายๆ ทีมให้ความสนใอยู่เหมือนกัน และแล้ว กลายเป็นว่ายักษ์ใหญ่จากแดนมะกะโรนี ก็ปาดหน้าทีมอื่นๆ แย่งลายเซ็นของเจ้าตัวมาได้ในที่สุด
สำหรับการเดินทางครั้ง นับว่าเป็นการเดินทางครั้งใหม่อีกครั้งของเจ้าตัวเลยนะ เพราะจากการที่ออกจากบ้านเกิด มาเป็นนักเตะเยาวชนของอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม มาตั้งแต่ปี 2008 จนค่อยๆ เป็นนักเตะดาวโรจน์มาทีละนิด ด้วยผลงาน 162 เกม 32 ประตู (รวมทุกถ้วย) พร้อมกับแชมป์ลีกฮอลแลน 3 สมัย กับ บอลถ้วยดัตช์อีก 1 สมัย และแล้วมาถึง 2013 อิริคเซ่น ก็ท่องโลกกว้างขึ้น ด้วยการเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของ ‘ไก่เดือยทอง’ ให้เป็นทีมแนวหน้าของอังกฤษในตอนนี้ กับ 305 เกม 69 ประตู ตลอด 6 ปีครึ่งที่อยู่กับทีม ขณะเดียวกัน การที่ชีพจรย้ายไปอยู่กับอินเตอร์ มิลานนั้น น่าจะทำให้แผงกองกลางของทีมนั้นมีความสมดุลขึ้น ซึ่งการที่จะได้ไปช่วยเสริมการเล่นของ โรเมลู ลูกากู และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ คู่ศูนย์หน้าอันตรายของทีมนั้น แค่คิดก็สนุกแล้วล่ะ อีกทั้งอาจจะช่วยยกระดับฟอร์มการเล่นของมิดฟิลด์ตัวรุกวัย 27 ปี ให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีก
ว่าแต่ตอนนี้ ก็แทบจะรอดูการเล่นของ “อีริคเซ่น” ในเวที กัลโช่ เซเรีย อา ในสีเสื้อน้ำเงิน-ดำ แทบไม่ไหวแล้วล่ะ ว่าการเดินทางครั้งนี้ จะปังหรือแป้กในเวทีนี้ !!!
ตัดภาพกลับมาที่นักเตะที่เป็นดีลที่บิ๊กเนมที่สุด (ถ้านับเฉพาะในตอนนี้นะ) คงจะหนีไม่พ้นการย้ายทีมของ “คริสเตียน อีริคเซ่น” มิดฟิลด์ตัวรุกทีมชาติเดนมาร์ก ที่ได้ย้ายจาก ‘ไก่เดือยทอง’ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ส ทีมในศึกพรีเมียร์ลีก ไปร่วมทัพ ‘งูใหญ่’ อินเตอร์ มิลาน ภายใต้การคุมทัพของ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่กำลังลุ้นแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ในปีนี้ ด้วยค่าตัวเพียงแค่ 16.9 ล้านปอนด์ เท่านั้น
อันที่จริง ข่าวการย้ายทีมของจอมทัพชาวเดนิชนั้น ก็เริ่มมีจุดเล็กๆ มาตั้งแต่หลังจากเกมรอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลก่อนแล้วล่ะ อันเนื่องมาจากการใกล้หมดสัญญาของเจ้าตัวเอง ซึ่งตัวเขาก็เลือกที่จะไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัด และขออยู่กับทีมต่อไป และ ‘สัญญาณ’ ที่ว่านี้ก็ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ ผ่านทั้งฟอร์มการเล่นที่ในระยะหลังดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยตั้งใจเล่นเท่าไหร่ แถมยังมีอาการงอแงหลุดๆ มาบ้าง นับตั้งแต่ยุคของ “พอช” เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ไปจนถึงยุค “จ่ามู” โชเซ่ มูริญโญ่ ซึ่งในระหว่างทางนี้ก็มีหลายๆ ทีมให้ความสนใอยู่เหมือนกัน และแล้ว กลายเป็นว่ายักษ์ใหญ่จากแดนมะกะโรนี ก็ปาดหน้าทีมอื่นๆ แย่งลายเซ็นของเจ้าตัวมาได้ในที่สุด
สำหรับการเดินทางครั้ง นับว่าเป็นการเดินทางครั้งใหม่อีกครั้งของเจ้าตัวเลยนะ เพราะจากการที่ออกจากบ้านเกิด มาเป็นนักเตะเยาวชนของอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม มาตั้งแต่ปี 2008 จนค่อยๆ เป็นนักเตะดาวโรจน์มาทีละนิด ด้วยผลงาน 162 เกม 32 ประตู (รวมทุกถ้วย) พร้อมกับแชมป์ลีกฮอลแลน 3 สมัย กับ บอลถ้วยดัตช์อีก 1 สมัย และแล้วมาถึง 2013 อิริคเซ่น ก็ท่องโลกกว้างขึ้น ด้วยการเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของ ‘ไก่เดือยทอง’ ให้เป็นทีมแนวหน้าของอังกฤษในตอนนี้ กับ 305 เกม 69 ประตู ตลอด 6 ปีครึ่งที่อยู่กับทีม ขณะเดียวกัน การที่ชีพจรย้ายไปอยู่กับอินเตอร์ มิลานนั้น น่าจะทำให้แผงกองกลางของทีมนั้นมีความสมดุลขึ้น ซึ่งการที่จะได้ไปช่วยเสริมการเล่นของ โรเมลู ลูกากู และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ คู่ศูนย์หน้าอันตรายของทีมนั้น แค่คิดก็สนุกแล้วล่ะ อีกทั้งอาจจะช่วยยกระดับฟอร์มการเล่นของมิดฟิลด์ตัวรุกวัย 27 ปี ให้ก้าวหน้าขึ้นไปอีก
ว่าแต่ตอนนี้ ก็แทบจะรอดูการเล่นของ “อีริคเซ่น” ในเวที กัลโช่ เซเรีย อา ในสีเสื้อน้ำเงิน-ดำ แทบไม่ไหวแล้วล่ะ ว่าการเดินทางครั้งนี้ จะปังหรือแป้กในเวทีนี้ !!!