xs
xsm
sm
md
lg

สาวไทยในอังกฤษ โดน บูลลี่-ล้อเลียน เพียงเพราะสวมหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรค

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สาวไทยในประเทศอังกฤษ โพสต์ข้อความระบาย หลังถูกบูลลี่ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย เพียงเพราะตนใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโรค พร้อมทำท่าไอล้อเลียนที่ใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งตนอธิบายเพิ่มเติมว่า ในประเทศอังกฤษการใส่หน้ากากอนามัยคือคุณป่วยร้ายแรง บางคนเข้าใจว่าป่วยแบบเป็นพาหะนำโรค

จากกรณี เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทำให้หลายประเทศให้ความตระหนักและตื่นตัวต่อความปลอดภัยของประชากรเป็นอย่างยิ่ง โดยแต่ละประเทศต่างหาแนวทางในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดดังกล่าว ซึ่งประเทศไทยเองก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ร่วมรณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัย เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อโรคที่มากับฝุ่นละออง และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสจากคนสู่คน

ต่อมา เมื่อวันที่ 2 ก.พ. มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Panrawee Rungskunroch" ซึ่งเป็นคนไทยในประเทศอังกฤษ โพสต์ข้อความหลังถูกคนที่นั้นบูลลี่ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย เพียงเพราะตนใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโรค ซึ่งตนได้อธิบายว่า ในประเทศอังกฤษการใส่หน้ากากอนามัยคือคุณป่วยร้ายแรง บางคนเข้าใจว่าป่วยแบบเป็นพาหะนำโรค


โดยผู้โพสต์เล่าว่า " รีวิวการถูก bully ที่อังกฤษ เพราะใส่หน้ากากอนามัย หลายคนเคยถามเราว่าอยู่อังกฤษมานานๆ เคยถูก bully (เหยียด) บ้างไหม เพราะหลายๆ ประเทศมีการเหยียดชาวต่างชาติโดยเฉพาะคนเอเชีย ส่วนตัวไม่เคยโดนเลย แต่เพื่อนรอบตัวมีโดนบ้างโดยเฉพาะเพื่อนชาวจีน จนกระทั่งเราสวมหน้ากากอนามัยออกจากบ้านไปมหาลัย ทำให้เข้าใจพึ่งว่าการโดน bully จริงๆ มันคือแบบนี้ ขอเกริ่นก่อนว่าที่อังกฤษการใส่หน้ากากอนามัยคือคุณป่วย! ป่วยร้ายแรง บางคนเข้าใจว่าป่วยแบบเป็นพาหะนำโรค ซึ่งก็ควรอยู่บ้านไปไม่ใช่ออกมาเดินกับชุมชน เวลาไอจามก็แค่ไอใส่ข้อพับด้านใน ดังนั้นการสวมหน้ากากอนามัยคือสิ่งที่แปลกของประเทศนี้

เราเริ่มสวมหน้ากากอนามัยตั้งแต่วันที่ตรวจพบว่าเชื้อโคโรน่าเข้าฝรั่งเศสเพราะคนจีน ตอนนั้นที่อังกฤษยังตรวจไม่พบแต่เราค่อนข้างมั่นใจว่าในอังกฤษต้องมีอเชื้อเข้ามาแล้ว เพื่อนคนจีนเล่าให้ฟังว่ามีคนจีนเดินทางมาจาก Hubei ช่วงนั้น (เป็นครอบครัวเพื่อนของเพื่อนอีกที) ในช่วงเทศกาลตรุษจีน การ bully ที่เจอคือแค่มองเหยียด เดินหนี ลุกหนี แต่พวกนี้เราเฉยๆ มากเพราะบอกเลยว่ากลัวติดเชื้อไวรัสมากกว่าอาย แต่รู้สึกว่าหลังๆมันรุนแรงขึ้นมาก ตั้งแต่มีการตรวจพบไวรัสที่อังกฤษ เช่นตะโกนใส่หน้า ตะโกนไล่ให้เราเดินออกจากตลาดเพราะหาว่าเป็นตัวเชื้อโรคแล้วจะเข้ามาผลักเราออกไป ไม่ให้ใช้ทางเดินร่วมกับเขา ล่าสุดคือมีคนตะโกนใส่เราว่า You gonna ... พร้อมไอล้อเลียนเราที่ใส่หน้ากากอนามัย รู้สึกเลยว่าหลังๆ มันเริ่มหนักขึ้นจนจะกลายเป็นโดนทำร้ายแล้ว อีกปัญหาที่ต้องเจอคือหน้ากากและแอลกอฮอล์ขาดตลาด แต่เป็นเพราะคนเอเชียกว้านซื้อหมด ที่พอจะสั่งออนไลน์ก็โก่งราคาไป 10 เท่าจากอาทิตย์ก่อนอีก

ส่วนตัวเชื่อว่าระบบสาธารณสุขที่นี่ยังดีที่ มีมาตรการป้องกันการระบาดได้ แม้ว่าการเข้าพบ GP (หมอทั่วไป) ใช้เวลานัดล่วงหน้าราวๆ 14 วัน เลยอาจจะตรวจพบช้ากว่าประเทศอื่น แต่สิ่งที่ไม่มั่นใจคือเรื่องของทัศนคติของชาวอังกฤษที่มีต่อการแพร่เชื้อโรค ซึ่งส่วนตัวมองว่าจุดนี้จะทำให้เชื้อโรคแพร่ได้ไวกว่าประเทศอื่น แม้ว่ากระทรวงสาธารณสุข และมหาวิทยาลัยจะออกมาให้คำแนะนำด้านการป้องกันตนเอง การกักตัวเองไม่ออกไปในที่ชุมชน (isolated) แล้ว แต่สิ่งที่เราเจอก็คือคนป่วยเต็มเมืองไปหมด หลังจากนี้เราก็ยังคงจะใส่หน้ากากต่อไปเพราะยังไม่พร้อมจะรับความเสี่ยงด้านสุขภาพบนเกาะอังกฤษ ปล.ใครมีวิธีรับมือกับการโดน bully แบบนี้แนะนำได้นะคะ เพราะคิดว่าคงต้องเจอไปอีกนาน"




กำลังโหลดความคิดเห็น