"ธีระชัย" ชี้รัฐบาลควรเลิกประชานิยมแข่งทักษิณ แต่สร้างธรรมาภิบาลเพื่อความแตกต่าง แนะปรับตัวมองหาผลประโยชน์จากสถานการณ์ 2 โลก "อเมริกา -จีน" ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้าน "ดร.ปิยศักดิ์"ย้ำรัฐต้องเร่งขยายการลงทุนให้มาก เสนอแบงก์ชาติเปลี่ยนการตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นอัตราแลกเปลี่ยนแทน บริหารค่าบาทให้ใกล้เคียงประเทศเพื่อนบ้าน
วันที่ 7 ม.ค. 63 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการ อาวุโส ฝ่ายวิจัยการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ไทย พาณิชย์ จำกัด ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอาอากศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง "นิวส์วัน" ในหัวข้อ "ทางแก้ เศรษฐกิจไทย 2020"
โดย นายธีระชัย กล่าวว่า เรื่องแรกต้องบริหารจัดการค่าบาทให้มีประสิทธิผลมากกว่านี้ รัฐบาลพลาดที่ปล่อยให้แบงก์ชาติเดินหน้าการตั้งเป้าเงินเฟ้อแบบโบราณ ซึ่งไม่ได้เอาสภาวะปัจจัยแวดล้อมล่าสุดเข้ามาคำนึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลกาภิวัตน์มันเปลี่ยนไป ทำให้อัตราเงินเฟ้อเป็นเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจทั้งปัจจุบันและอนาคตได้ไม่ดีเท่าเดิม ฉะนั้นควรมีการปรับเปลี่ยน เพิ่มเติมกติกาให้แบงก์ชาติเข้ามาดูค่าเงินบาทให้มากขึ้น
นายธีระชัย กล่าวอีกว่า เรื่องธรรมาภิบาลแก้ไม่ยาก แต่นายกฯติดกับดักการเมือง มองคู่แข่งคือเพื่อไทย เลยแข่งทำประชานิยม ทั้งที่สิ่งที่จะทำให้แตกต่างจากนายทักษิณมากที่สุดก็คือการสร้างธรรมาภิบาล เช่น การเท่าเทียมกันทางกฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติต่อประชาชนเท่าเทียมกัน
นายธีระชัย ยังกล่าวว่า น่ากังวลมากสุด คือการวางแนวทางการปรับตัวของประเทศในอนาคต การเคลื่อนย้ายขบวนการซื้อขายในอนาคต คือการเกิดจากสงครามการค้าระหว่างอเมริกากับจีนที่ไม่จบ อเมริกาจะเตะตัดขาจีนตลอด จำเป็นให้จีนต้องสร้างโลกการค้าของเขาเป็นโลกคู่ขนาน ไม่ใช่แค่สินค้าบริการ แต่มีการโทรคมนาคมด้วย ใครจะยอมให้มีการส่งโดรนไปฆ่าคนได้ ทั้งที่คนสั่งนั่งอยู่อีกที่หนึ่ง คนที่ไม่อยากอยู่ในโทรคมนาคมของอเมริกาก็ต้องการให้เกิดโลกคู่ขนานขึ้นมา
ประเทศที่เหมาะสมที่จีนจะจับมือเพื่อสร้างโทรคมนาคมก็คืออินเดีย แล้วไทยก็เหมาะสมในการเชื่อม 2 ประเทศนี้ได้ดีที่สุด ขบวนการลงทุนในอินเดีย จีนไปเดี่ยว ๆ อาจไม่สู้จับมือกับไทยแล้วไปลงทุนในอินเดีย มองไปข้างหน้า 30-50 ปี กำลังซื้อ 2 ประเทศมีแต่จะสูงขึ้น กระบวนการปรับตัวต้องสร้างออกมาเป็น 2 โลก แล้วไทยจะปรับตัวอย่างไร อันนี้สำคัญมาก
นายธีระชัย กล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องปรับคือ mindset คือการเข้าใจบทบาทการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่ไปทำค้าขาย หรือทำหมอนแจก บทบาทของรัฐบาลคือสร้างกรอบในการเป็นอยู่ของธุรกิจของสังคมที่จะเอื้ออำนวยให้คนช่วยตัวเองได้ดีที่สุด เอื้ออำนวยให้แต่ละคนปรับตัวได้ง่ายที่สุด รวมถึงงบประมาณที่เอาไปแจกโดยไม่จำเป็น เช่นชิมช้อปใช้ สงวนเอาไปใช้อย่างอื่นที่จำเป็นดีกว่า
ด้าน ดร.ปิยศักดิ์ กล่าวว่า ยังไงก็ตามเชื่อว่าต้องเปลี่ยนเป้าหมาย ไม่ใช้เงินเฟ้อแต่เป็นเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยน แล้วก็พยายามที่จะบริหารจัดการให้ค่าเงินบาทไปกับเพื่อนบ้านได้ พอเข้าใกล้เพื่อนบ้าน เงินเฟ้อก็จะเคลื่อนไหวไปใกล้เคียงกับเพื่อนบ้าน ศักยภาพการแข่งขันก็เข้าใกล้เคียงได้ ประชาชนก็จะมีรายได้มากขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น เศรษฐกิจก็จะฟูขึ้นระดับหนึ่ง จากนั้นค่อยบริหารจัดการด้านอื่น ๆ ดีกว่ากังวลแล้วปูพรมคุมเข้มทั้งหมด
ดร.ปิยศักดิ์ ยังกล่าวว่า เห็นใจรัฐบาล ธรรมชาติของรัฐบาลผสมแต่ละกระทรวงมาจากพรรคต่าง ๆ ทำให้การดูเศรษฐกิจยากขึ้น ตนเชื่อว่าเมื่อภาพเป็นแบบนี้แล้ว นายกฯต้องเคาะโต๊ะ ต้องบอกว่าผมรับผิดชอบเอง สิ่งที่สำคัญสุดคือการลงทุนให้มาก โครงการต่าง ๆ ที่มีแผน นำกลับมาใช้ แล้วนายกฯเป็นคนผลักดันหลัก รวมถึงโครงการใหม่ ๆ เช่น 5จี